“วายแอลจี” ชี้ ราคาทองคำโลก ยังมีโอกาสทำนิวไฮต่อเนื่อง คาด แตะระดับสูงสุดที่ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ แนวโน้มราคาทองคำในประเทศจะทะลุบาทละ 22,000 บาท ในช่วงปลายไตรมาส 3 ปีนี้ แต่เชื่อว่า จะไม่ถึงบาทละ 23,000 บาท เพราะเงินบาทแข็ง เผย จีน-อินเดีย แห่นำเข้าเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่ปลอดภัย
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดฮ่องกงเปิดตลาดทำสถิติสูงสุดที่ 1,508 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ระดับ 1,530-1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถปรับขึ้นไปทดสอบระดับดังกล่าวนักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากราคาทองปรับขึ้นมาแรงมาก ประกอบกับในสุดสัปดาห์จะเป็นช่วงเทศกาลอีสเตอร์ กองทุนอาจมีการเทขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง
โดยกรณีที่ราคาทองปรับขึ้นไปถึง 1,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่า จะปรับลดลง 100-150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะปรับลดลงประมาณ 80-100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังมั่นใจว่า สิ้นปีนี้ราคาทองในตลาดโลกจะทำสถิติใหม่สูงสุดที่ 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศจะทะลุบาทละ 22,000 บาท ในช่วงปลายไตรมาส 3 ปีนี้ แต่เชื่อว่า จะไม่ถึงบาทละ 23,000 บาท เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นเกิดจากความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจการเงินทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปที่ยังคงมีปัญหา ประกอบกับปัญหาอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เร่งตัวขึ้น และปัญหาความรุนแรงในตะวันออกกลางที่กดดันให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น จึงทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำ เพราะถือเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยเฉพาะอินเดียที่ตั้งเป้านำเข้าทองคำ 800 ตัน ขณะที่จีนตั้งเป้านำเข้า 600 ตันภายในปีนี้ ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกจีนนำเข้ามาแล้ว 300 ตัน
