ปตท.สผ.ชี้แผนการลงทุน 10ปี(2553-2563) ต้องใช้เงินลงทุน 4.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อจัดหาแหล่งปิโตรเลียมเพิ่มเติม เหตุกำหนดนโยบายการผลิตปิโตรเลียมเป็น 9 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วันในปี2563 โดยจำเป็นต้องจัดหาเงินทุน 1-2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายใน 10ปี ซึ่งแนวทางการเพิ่มทุนฯเป็นทางเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้หากซื้อแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ จับตาประชุมบอร์ดฯชี้ขาดควบรวมPTTAR-PTTCHวันนี้
นายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า จากการวางเป้าหมายเป็นบริษัทฯที่ผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นเป็น 9 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2563 จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีการผลิตปิโตรเลียม 2.73 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ทำให้ปตท.สผ.ต้องใช้เงินลงทุนในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมประมาณ 4.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมจากปัจจุบัน 1.1 พันล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เป็น 3 พันล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบให้ได้ภายในปี 2563
แนวทางการเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมนั้น บริษัทฯต้องเข้าไปลงทุนแหล่งปิโตรเลียมเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อแปลงปิโตรเลียมที่มีการเจาะหลุมสำรวจและสรุปปริมาณสำรองปิโตรเลียมได้แล้ว หรือเข้าไปร่วมพัฒนาแปลงปิโตรเลียม ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเข้าซื้อหุ้นจะแตกต่างกันไปซึ่งแหล่งเงินเพื่อใช้ในการลงทุนตามแผน 10ปีข้างหน้า จะมาจากกระแสเงินจากการดำเนินงาน ซึ่งแต่ละปีปตท.สผ.มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA)ประมาณ 1 แสนล้านบาท ทำให้มีความจำเป็นต้องจัดหาเงินเพิ่มเติมอีก1-2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐใน 10ปีข้างหน้า ซึ่งแนวทางการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการระดมเงิน
“หากปตท.สผ. ได้แหล่งปิโตรเลียมที่มีขนาดใหญ่มากและสามารถสรุปการเจรจาได้อย่างรวดเร็วก็อาจจะเห็นการเพิ่มทุนบริษัท ”
ส่วนปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ในปตท.สผ.ถึง 66%จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นหรือไดรูทการถือหุ้นลงเหลือ 51%ก็คงต้องมีการหารือร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ.เป็นStrategic Asset ของปตท. เนื่องจากเป็นบริษัทฯที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทุกบริษัทในเครือปตท.
**บอร์ดฯพิจารณาควบรวมPTTCH-PTTAR
รายงานข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่าในวันนี้(24ก.พ.) ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จะพิจารณาการควบรวมกิจการบริษัทย่อย คือบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTCH)และบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด(มหาชน)(PTTAR) หลังจากบริษัทที่ปรึกษาได้เสนอสรุปผลการศึกษา สนับสนุนให้มีการควบรวมกิจการทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดการควบรวมกิจการได้ คงต้องรอมติคณะกรรมการบริษัทปตท. และบอร์ดบริษัทที่เกี่ยวข้อง แล้วแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
ด้านนายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดฯวันนี้จะพิจารณาผลการดำเนินงานของบริษัทฯให้เสร็จก่อน พิจารณาวาระการควบรวมกิจการ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้หรือไม่ แต่หากบอร์ดฯอนุมัติให้ควบรวมกิจการก็จะเรียกประชุมฯผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติภายในไตรมาส 2 นี้
นายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า จากการวางเป้าหมายเป็นบริษัทฯที่ผลิตและจำหน่ายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นเป็น 9 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในปี 2563 จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีการผลิตปิโตรเลียม 2.73 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ทำให้ปตท.สผ.ต้องใช้เงินลงทุนในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมประมาณ 4.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมจากปัจจุบัน 1.1 พันล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เป็น 3 พันล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบให้ได้ภายในปี 2563
แนวทางการเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมนั้น บริษัทฯต้องเข้าไปลงทุนแหล่งปิโตรเลียมเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อแปลงปิโตรเลียมที่มีการเจาะหลุมสำรวจและสรุปปริมาณสำรองปิโตรเลียมได้แล้ว หรือเข้าไปร่วมพัฒนาแปลงปิโตรเลียม ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเข้าซื้อหุ้นจะแตกต่างกันไปซึ่งแหล่งเงินเพื่อใช้ในการลงทุนตามแผน 10ปีข้างหน้า จะมาจากกระแสเงินจากการดำเนินงาน ซึ่งแต่ละปีปตท.สผ.มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA)ประมาณ 1 แสนล้านบาท ทำให้มีความจำเป็นต้องจัดหาเงินเพิ่มเติมอีก1-2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐใน 10ปีข้างหน้า ซึ่งแนวทางการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการระดมเงิน
“หากปตท.สผ. ได้แหล่งปิโตรเลียมที่มีขนาดใหญ่มากและสามารถสรุปการเจรจาได้อย่างรวดเร็วก็อาจจะเห็นการเพิ่มทุนบริษัท ”
ส่วนปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ในปตท.สผ.ถึง 66%จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นหรือไดรูทการถือหุ้นลงเหลือ 51%ก็คงต้องมีการหารือร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ.เป็นStrategic Asset ของปตท. เนื่องจากเป็นบริษัทฯที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทุกบริษัทในเครือปตท.
**บอร์ดฯพิจารณาควบรวมPTTCH-PTTAR
รายงานข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่าในวันนี้(24ก.พ.) ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จะพิจารณาการควบรวมกิจการบริษัทย่อย คือบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน)(PTTCH)และบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด(มหาชน)(PTTAR) หลังจากบริษัทที่ปรึกษาได้เสนอสรุปผลการศึกษา สนับสนุนให้มีการควบรวมกิจการทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดการควบรวมกิจการได้ คงต้องรอมติคณะกรรมการบริษัทปตท. และบอร์ดบริษัทที่เกี่ยวข้อง แล้วแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
ด้านนายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดฯวันนี้จะพิจารณาผลการดำเนินงานของบริษัทฯให้เสร็จก่อน พิจารณาวาระการควบรวมกิจการ ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้หรือไม่ แต่หากบอร์ดฯอนุมัติให้ควบรวมกิจการก็จะเรียกประชุมฯผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติภายในไตรมาส 2 นี้