ลุ้นบอร์ดฯ ชี้ขาดควบรวมกิจการ PTTCH-PTTAR วันที่ 24 ก.พ.นี้ หลังที่ปรึกษาชงแผนควบรวมได้ประโยชน์ร่วมกัน หลังที่ผ่านมาก็มีการ Synergy ร่วมกันอยู่แล้ว
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าการควบรวมกิจการบริษัทในเครือปตท. ว่า ในต้นสัปดาห์นี้บริษัทที่ปรึกษาจะการสรุปผลการศึกษาการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) และบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)(PTTAR) เพื่อให้คณะกรรมการบริษัททั้ง 3 บริษัท คือ ปตท., ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นและปตท.เคมิคอล ได้พิจารณาเห็นอนุมัติในวันที่ 24 ก.พ.
ทั้งนี้ คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการทั้ง 3 บริษัทจะเห็นชอบให้มีการควบรวมกิจการ หลังจากนั้นบริษัทจะชี้แจงประโยชน์ที่ได้จากการควบรวม และขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2554
ที่ผ่านมา แนวทางการควบรวมกิจการของบริษัทในเครือปตท. ได้ล่าช้ากว่าที่กำหนด เนื่องจากก่อนหน้านี้ ปตท. มีแผนที่จะควบรวมกิจการระหว่างปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นกับไออาร์พีซี แต่สุดท้ายต้องล้มความคิดดังกล่าวเนื่องจากปัญหาคดีความของไออาร์พีซี
แหล่งข่าวกล่าวว่า การตัดสินใจควบรวมกิจการระหว่างปตท.เคมิคอลกับปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นได้คำนึงผลประโยชน์ร่วมกันจากการควบรวม ทำให้มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการวัตถุดิบระหว่างทั้ง 2 บริษัท รวมทั้งมีแนวคิดที่จะนำวัตถุดิบของทั้ง 2 บริษัทมาต่อยอดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันทั้ง 2 บริษัทได้มีการ Synergy ผลิตภัณฑ์ระหว่างกันอยู่แล้ว เช่น ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นก็ป้อนแนฟทาจากกระบวนการผลิตให้กับปตท.เคมิคอล เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตโอเลฟินส์ และปตท.เคมิคอลก็ป้อนไพก๊าซฯ ที่เคยเผาทิ้งมาป้อนให้กับปตท.อะโรเมติกส์ฯ เช่นเดียวกัน
สำหรับรูปแบบการควบรวมกิจการของ 2 บริษัทนี้ น่าจะใช้แนวทางเดียวกับที่เคยมีการควบรวมกิจการระหว่าง บมจ.ปิโตรเคมีแห่งชาติ (NPC) กับบมจ. ไทยโอเลฟินส์ (TOC) แล้วตั้งบริษัทใหม่ คือ บมจ.ปตท.เคมิคอล
“มั่นใจว่าบอร์ดจะพิจารณาเห็นชอบให้มีการควบรวมกิจการ เนื่องจากการควบรวมทั้ง 2 บริษัทจะก่อให้เกิด Benefit ที่ผ่านมา ก็มีการ Synergy ระหว่างกันอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะเกิดการพลิกล็อก”
แหล่งข่าวกล่าวว่า การควบรวมกิจการระหว่าง ปตท.เคมิคอลกับปตท.อะโรเมติกส์ฯ นั้น เพื่อโอกาสในการต่อยอดธุรกิจในอนาคตมากกว่าเพื่อลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากนับวันการแข่งขันอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทวีความรุนแรงขึ้น จำเป็นที่บริษัทต้องมีทิศทางที่แน่นอนเพื่อก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน เช่น ปตท.เคมิคอล ที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีต้นน้ำ แม้ว่าจะมีการลงทุนปิโตรเคมีปลายน้ำมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเม็ดพลาสติกเกรดธรรมดา ซึ่งราคาผันผวนตามกลไกตลาด
ดังนั้นจำเป็นต้องมีการวาง Direction ของธุรกิจให้แน่นอน ซึ่งการก้าวไปจุดนั้นจำเป็นต้องมีพันธมิตรทางธุรกิจและลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาควบคู่กันไปด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทปตท.เคมิคอลก็อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการลงทุน 5 ปีอยู่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าการควบรวมกิจการบริษัทในเครือปตท. ว่า ในต้นสัปดาห์นี้บริษัทที่ปรึกษาจะการสรุปผลการศึกษาการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTCH) และบริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน)(PTTAR) เพื่อให้คณะกรรมการบริษัททั้ง 3 บริษัท คือ ปตท., ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นและปตท.เคมิคอล ได้พิจารณาเห็นอนุมัติในวันที่ 24 ก.พ.
ทั้งนี้ คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการทั้ง 3 บริษัทจะเห็นชอบให้มีการควบรวมกิจการ หลังจากนั้นบริษัทจะชี้แจงประโยชน์ที่ได้จากการควบรวม และขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2554
ที่ผ่านมา แนวทางการควบรวมกิจการของบริษัทในเครือปตท. ได้ล่าช้ากว่าที่กำหนด เนื่องจากก่อนหน้านี้ ปตท. มีแผนที่จะควบรวมกิจการระหว่างปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นกับไออาร์พีซี แต่สุดท้ายต้องล้มความคิดดังกล่าวเนื่องจากปัญหาคดีความของไออาร์พีซี
แหล่งข่าวกล่าวว่า การตัดสินใจควบรวมกิจการระหว่างปตท.เคมิคอลกับปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นได้คำนึงผลประโยชน์ร่วมกันจากการควบรวม ทำให้มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการวัตถุดิบระหว่างทั้ง 2 บริษัท รวมทั้งมีแนวคิดที่จะนำวัตถุดิบของทั้ง 2 บริษัทมาต่อยอดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันทั้ง 2 บริษัทได้มีการ Synergy ผลิตภัณฑ์ระหว่างกันอยู่แล้ว เช่น ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นก็ป้อนแนฟทาจากกระบวนการผลิตให้กับปตท.เคมิคอล เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตโอเลฟินส์ และปตท.เคมิคอลก็ป้อนไพก๊าซฯ ที่เคยเผาทิ้งมาป้อนให้กับปตท.อะโรเมติกส์ฯ เช่นเดียวกัน
สำหรับรูปแบบการควบรวมกิจการของ 2 บริษัทนี้ น่าจะใช้แนวทางเดียวกับที่เคยมีการควบรวมกิจการระหว่าง บมจ.ปิโตรเคมีแห่งชาติ (NPC) กับบมจ. ไทยโอเลฟินส์ (TOC) แล้วตั้งบริษัทใหม่ คือ บมจ.ปตท.เคมิคอล
“มั่นใจว่าบอร์ดจะพิจารณาเห็นชอบให้มีการควบรวมกิจการ เนื่องจากการควบรวมทั้ง 2 บริษัทจะก่อให้เกิด Benefit ที่ผ่านมา ก็มีการ Synergy ระหว่างกันอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะเกิดการพลิกล็อก”
แหล่งข่าวกล่าวว่า การควบรวมกิจการระหว่าง ปตท.เคมิคอลกับปตท.อะโรเมติกส์ฯ นั้น เพื่อโอกาสในการต่อยอดธุรกิจในอนาคตมากกว่าเพื่อลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากนับวันการแข่งขันอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทวีความรุนแรงขึ้น จำเป็นที่บริษัทต้องมีทิศทางที่แน่นอนเพื่อก้าวต่อไปอย่างยั่งยืน เช่น ปตท.เคมิคอล ที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีต้นน้ำ แม้ว่าจะมีการลงทุนปิโตรเคมีปลายน้ำมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเม็ดพลาสติกเกรดธรรมดา ซึ่งราคาผันผวนตามกลไกตลาด
ดังนั้นจำเป็นต้องมีการวาง Direction ของธุรกิจให้แน่นอน ซึ่งการก้าวไปจุดนั้นจำเป็นต้องมีพันธมิตรทางธุรกิจและลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาควบคู่กันไปด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทปตท.เคมิคอลก็อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการลงทุน 5 ปีอยู่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้