xs
xsm
sm
md
lg

ชินคอร์ปโชว์ผลดำเนินงานปี 53 กำไรพุ่ง 8.03 พันล้าน เทมาเส็กรับปันผลอื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชินคอร์ป โชว์ผลการดำเนินงานปี 53 กำไรพุ่ง 8.03 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท ล่าสุด ประกาศจ่ายปันผล 1.53 บาท/หุ้น เทมาเส็กเตรียมรับทรัพย์อีกล็อต หลังโกยไปแล้ว 38.7% ด้าน ไทยคม ขาดทุน 804 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเท่าตัว โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จำนวน 1,976 ล้านบาท หลังจากธุรกิจบริการโทรศัพท์ในต่างประเทศขาดทุนเพิ่มขึ้น รวมกับค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้รายได้รวมลดลง 6.8%

นายสมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SHIN) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า ผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 บริษัทมีกำไรสุทธิ 8,031.92 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.51 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 6,495.88 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.03 บาท ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1 ม.ค.-31 มี.ค.54 ในอัตรา 1.53 บาท/หุ้น โดยจ่ายวันที่ 27 เม.ย.54

สำหรับสาเหตุที่ผลประกอบการของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้น มาจากบริษัทมีรายได้เงินปันผลสำหรับปี 2553 สูงกว่าปี 2552 เนื่องจากในปี 2553 บริษัทได้รับรู้รายได้เงินปันผลพิเศษในอัตราหุ้นละ 11 บาท จาก บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)

ก่อนหน้านี้ ได้มีนักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า ขณะนี้ทางกลุ่มเทมาเส็ก สิงคโปร์ มีกำไรจากการลงทุนใน SHIN แล้ว หลังจากซื้อหุ้นใหญ่มาจากครอบครัวชินวัตร และรับซื้อหุ้นจากนักลงทุนทั่วไปมาตั้งแต่ปี 2549 โดยกลุ่มเทมาเส็กซื้อหุ้น SHIN มาในราคาหุ้นละ 49.25 บาท คิดเป็นประมาณ 1.26 เหรียญสหรัฐฯ หากรวมเงินปันผลที่ได้รับมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ได้ผลตอบแทนประมาณ 38.7% หรือตกปีละ 7% กว่า

นายธนฑิต เจริญจันทร์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการลงทุน บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการประจำปี 2553 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 6,700 ล้านบาท ลดลง 6.8% จาก 7,188 ล้านบาท ในปี 2552 เนื่องมาจากค่าเงินบาทแข็งค่า อีกทั้งรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์ในกัมพูชาและลาวลดลง 32.3% จากปีก่อน

“การที่รายได้จากธุรกิจบริการโทรศัพท์ในกัมพูชาลดลง เป็นผลมาจากเกิดการแข่งขันด้านราคาสูงทำให้ลูกค้าหายไป แต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทำตลาดทำให้ได้ลูกค้ากลับมาจำนวนหนึ่ง และเชื่อว่า จะกลับมาเท่าเดิมในไตรมาสถัดไป”

โดยรายได้รวมทั้งหมดมาจากการให้บริการดาวเทียมไทยคม 2 และ 5 และบริการที่เกี่ยวเนื่อง 2,238 ล้านบาท ไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์จำนวน 2,360 ล้านบาท ธุรกิจบริการโทรศัพท์ในกัมพูชาและลาว 1,453 ล้านบาท และธุรกิจการให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อมีรายได้ 649 ล้านบาท

“จะเห็นได้ว่า รายได้หลักของไทยคมในปีที่ผ่านมา มาจากการขายแบนด์วิธของไอพีสตาร์ที่เพิ่มขึ้นจากรายได้ในตลาดต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ที่มีอัตราการเติบโตกว่า 38% โดยจะยังคงแนวทางในการทำตลาดแบบนี้ต่อไป”

ขณะที่ดาวเทียมไทยคม 5 มีปริมาณการเช่าช่องสัญญาณเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของทีวีดาวเทียมในปี 2552 ที่ 283 ช่องรายการเพิ่มขึ้นเป็น 358 ช่องรายการ โดยมีสัดส่วนระหว่างการให้บริการแพร่สัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม 73% ส่วนที่เหลือเป็นการให้แพร่สัญญาณทางโทรคมนาคม

นายธนฑิต ยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากการที่ยังไม่มีการอนุมัติให้ยิงดาวเทียมดวงใหม่ ทำให้จำเป็นต้องมีการบริการจัดการช่องสัญญาณในไทยคม 5 ให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มช่องสัญญาณให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด และในอนาคต เชื่อว่า ลูกค้าในส่วนของสัญญาณโทรคมนาคมจะย้ายจากไทยคม 5 ไปยังไอพีสตาร์จากปัจจัยด้านราคาที่ถูกกว่าในประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน

“ท้ายที่สุดแล้ว ดาวเทียมไอพีสตาร์จะใช้ให้บริการด้านเทเลคอมเป็นหลัก ส่วนไทยคม 5 จะใช้บรอดแคสเป็นส่วนใหญ่ ส่วนความคืบหน้าของดาวเทียมดวงใหม่ยังอยู่ในช่วงการศึกษาข้อมูลกับเวนเดอร์ เพื่อเสนอให้บอร์ดต่อไป ขณะเดียวกันก็ยังต้องรอให้ทางไอซีทีอนุมัติ ซึ่งยังไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด”

ส่วนงบลงทุนในปี 2553 ทางไทยคมได้ตั้งงบไว้ราว 150-200 ล้านบาท สำหรับใช้พัฒนาเกตเวย์ และเพิ่มความสามารถของโครงข่ายให้เพียงพอกับความต้องการมากขึ้น ส่วนเป้าในปีนี้ตั้งไว้ที่เติบโต 30% ตามรายได้การเติบโตของไอพีสตาร์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 15%

**ซีเอสแอล โต 3% เล็งทำโมบายแอปฯ

ทางด้าน ซีเอส ล็อกอินโฟ หรือ ซีเอสแอล ได้มีการแถลงผลประกอบการประจำปี 2553 มีรายได้รวม 2,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท หรือ 3% จากปีก่อน 2,614 ล้านบาท โดยมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจอินเทอร์เน็ตและการให้บริการข้อมูลด้วยเสียงทางโทรศัพท์ และบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่

ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ของซีเอสแอล จะเน้นบริการด้านธุรกิจบริการเสริมบนโทรศัพท์มือถือมาชดเชยรายได้ของธุรกิจสมุดหน้าเหลือง ที่จะมีการปรับเปลี่ยนมาใช้งานออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้รับกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไป

นายสรรค์ชัย เตียวประเสิรฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า อนาคตของสื่อสิ่งพิมพ์ที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ยอดขายของสมุดหน้าเหลืองลดลงเรื่อยๆ และจะลดลงต่อไปแต่ยังไม่ถึงกับตาย สามารถไปได้เรื่อยๆ อีก 5-7 ปี

“ทีเอ็มซีต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการขายสมุดหน้าเหลืองใหม่เป็นแบบไม่ขายแบ่งโซน รวมถึงมีการลงทุนเพิ่ม 30-40 ล้าน เพื่อทำผลิตภัณฑ์บนออนไลน์ และปรับรูปแบบสมุดหน้าเหลืองให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น”

และยังจะทำมีแผนทางการตลาดด้วยการขยายช่องทางธุรกิจบริการเสริมบนโทรศัพท์มือถือของบริษัท เอดี เวนเจอร์ จำกัด เพิ่ม ซึ่งจะเริ่มจากขยายฐานลูกค้าดีแทคและทรูมูฟ เพื่อทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว พร้อมทั้งพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันขึ้นไปจำหน่ายยังสมาร์ทโฟนทุกๆ ระบบปฏิบัติการ

ทั้งนี้ กำไรปกติในงบการเงินรวมสำหรับปี 2553 จำนวน 366 ล้านบาท คิดเป็น 0.62 บาท ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 79 ล้านบาท หรือ 28% จากปี 2552 และยังมีกำไรจากงบการเงินเฉพาะกิจสำหรับปี 2553 เท่ากับ 327 ล้านบาท คิดเป็น 0.55 บาทต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 35% ส่งผลให้ในปี 2553 บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 0.50 บาทต่อหุ้นในวันที่ 31 มีนาคม 2554ไทยคมขาดทุนต่อเนื่องกว่า 804 ล.
กำลังโหลดความคิดเห็น