ASTV ผู้จัดการรายวัน - ชินคอร์ปโชว์ผลการดำเนินงานปี53 กำไรพุ่ง 8.03 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท ล่าสุดประกาศจ่ายปันผล 1.53 บาท/หุ้น เทมาเสกเตรียมรับทรัพย์อีกล็อต ด้านไทยคม ขาดทุน 804 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเท่าตัว โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จำนวน 1,976 ล้านบาท หลังจากธุรกิจบริการโทรศัพท์ในต่างประเทศขาดทุนเพิ่มขึ้น รวมกับค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้รายได้รวมลดลง 6.8%
นายสมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(SHIN) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 บริษัทมีกำไรสุทะ 8,031.92 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.51 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 6,495.88 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.03 บาท
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1 ม.ค.-31 มี.ค.54 ในอัตรา 1.53 บาท/หุ้น โดยจ่ายวันที่ 27 เม.ย.54
สำหรับสาเหตุที่ผลประกอบการของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้น มาจากบริษัทฯ มีรายได้เงินปันผลสำหรับปี 2553 สูงกว่าปี 2552 เนื่องจากในปี 2553 บริษัทฯ ได้รับรู้รายได้เงินปันผลพิเศษในอัตราหุ้นละ 11 บาท จากบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)
ก่อนหน้า ได้มีนักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า ขณะนี้ทางกลุ่มเทมาเสก สิงคโปร์ มีกำไรจากการลงทุนในSHIN แล้ว หลังจากซื้อหุ้นใหญ่มาจากครอบครัวชินวัตรและรับซื้อหุ้นจากนักลงทุนทั่วไปมาตั้งแต่ปี 2549โดยกลุ่มเทมาเซกซื้อหุ้น SHIN มาในราคาหุ้นละ 49.25 บาท คิดเป็นประมาณ 1.26 เหรียญสหรัฐ หากรวมเงินปันผลที่ได้รับมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ได้ผลตอบแทนประมาณ 38.7% หรือตกปีละ 7% กว่า
นายธนฑิต เจริญจันทร์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการลงทุน บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการประจำปี 2553 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 6,700 ล้านบาท ลดลง 6.8% จาก 7,188 ล้านบาทในปี 2552 เนื่องมาจากค่าเงินบาทแข็งค่า อีกทั้งรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์ในกัมพูชาและลาวลดลง 32.3% จากปีก่อน
"การที่รายได้จากธุรกิจบริการโทรศัพท์ในกัมพูชาลดลงเป็นผลมาจากเกิดการแข่งขันด้านราคาสูงทำให้ลูกค้าหายไป แต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทำตลาดทำให้ได้ลูกค้ากลับมาจำนวนหนึ่งและเชื่อว่า จะกลับมาเท่าเดิมในไตรมาสถัดไป"
โดยรายได้รวมทั้งหมดมาจากการให้บริการดาวเทียมไทยคม 2 และ 5 และบริการที่เกี่ยวเนื่อง 2,238 ล้านบาท ไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์จำนวน 2,360 ล้านบาท ธุรกิจบริการโทรศัพท์ในกัมพูชาและลาว 1,453 ล้านบาท และธุรกิจการให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อมีรายได้ 649 ล้านบาท
"จะเห็นได้ว่า รายได้หลักของไทยคมในปีที่ผ่านมา มาจากการขายแบนด์วิธของไอพีสตาร์ที่เพิ่มขึ้นจากรายได้ในตลาดต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่มีอัตราการเติบโตกว่า 38% โดยจะยังคงแนวทางในการทำตลาดแบบนี้ต่อไป"
ขณะที่ดาวเทียมไทยคม 5 มีปริมาณการเช่าช่องสัญญาณเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของทีวีดาวเทียมในปี 2552 ที่ 283 ช่องรายการเพิ่มขึ้นเป็น 358 ช่องรายการ โดยมีสัดส่วนระหว่างการให้บริการแพร่สัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม 73% ส่วนที่เหลือเป็นการให้แพร่สัญญาณทางโทรคมนาคม
นายธนฑิต ยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากการที่ยังไม่มีการอนุมัติให้ยิงดาวเทียมดวงใหม่ ทำให้จำเป็นต้องมีการบริการจัดการช่องสัญญาณในไทยคม 5 ให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มช่องสัญญาณให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด และในอนาคตเชื่อว่า ลูกค้าในส่วนของสัญญาณโทรคมนาคมจะย้ายจากไทยคม 5 ไปยังไอพีสตาร์จากปัจจัยด้านราคาที่ถูกกว่าในประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน
"ท้ายที่สุดแล้ว ดาวเทียมไอพีสตาร์จะใช้ให้บริการด้านเทเลคอมเป็นหลัก ส่วนไทยคม 5 จะใช้บรอดแคสเป็นส่วนใหญ่ ส่วนความคืบหน้าของดาวเทียมดวงใหม่ยังอยู่ในช่วงการศึกษาข้อมูลกับเวนเดอร์ เพื่อเสนอให้บอร์ดต่อไป ขณะเดียวกันก็ยังต้องรอให้ทางไอซีทีอนุมัติ ซึ่งยังไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด"
ส่วนงบลงทุนในปี 2553 ทางไทยคมได้ตั้งงบไว้ราว 150 - 200 ล้านบาท สำหรับใช้พัฒนาเกตเวย์ และเพิ่มความสามารถของโครงข่ายให้เพียงพอกับความต้องการมากขึ้น ส่วนเป้าในปีนี้ตั้งไว้ที่เติบโต 30% ตามรายได้การเติบโตของไอพีสตาร์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 15%
**ซีเอสแอล โต 3% เล็งทำโมบายแอปฯ
ทางด้านซีเอส ล็อกอินโฟ หรือซีเอสแอล ได้มีการแถลงผลประกอบการประจำปี 2553 มีรายได้รวม 2,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท หรือ 3% จากปีก่อน 2,614 ล้านบาท โดยมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจอินเทอร์เน็ตและการให้บริการข้อมูลด้วยเสียงทางโทรศัพท์ และบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่
ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ของซีเอสแอล จะเน้นบริการด้านธุรกิจบริการเสริมบนโทรศัพท์มือถือมาชดเชยรายได้ของธุรกิจสมุดหน้าเหลืองที่จะมีการปรับเปลี่ยนมาใช้งานออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้รับกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไป
นายสรรค์ชัย เตียวประเสิรฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า อนาคตของสื่อสิ่งพิมพ์ที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ยอดขายของสมุดหน้าเหลืองลดลงเรื่อยๆ และจะลดลงต่อไปแต่ยังไม่ถึงกับตาย สามารถไปได้เรื่อยๆ อีก 5-7 ปี
"ทีเอ็มซีต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการขายสมุดหน้าเหลืองใหม่เป็นแบบไม่ขายแบ่งโซน รวมถึงมีการลงทุนเพิ่ม 30-40 ล้านเพื่อทำผลิตภัณฑ์บนออนไลน์ และปรับรูปแบบสมุดหน้าเหลืองให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น"
และยังจะทำมีแผนทางการตลาดด้วยการขยายช่องทางธุรกิจบริการเสริมบนโทรศัพท์มือถือของบริษัท เอดี เวนเจอร์ จำกัด เพิ่ม ซึ่งจะเริ่มจากขยายฐานลูกค้าดีแทคและทรูมูฟเพื่อทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว พร้อมทั้งพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันขึ้นไปจำหน่ายยังสมาร์ทโฟนทุกๆ ระบบปฏิบัติการ
ทั้งนี้ กำไรปกติในงบการเงินรวมสำหรับปี 2553 จำนวน 366 ล้านบาท คิดเป็น 0.62 บาท ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 79 ล้านบาท หรือ 28% จากปี 2552 และยังมีกำไรจากงบการเงินเฉพาะกิจสำหรับปี 2553 เท่ากับ 327 ล้านบาท คิดเป็น 0.55 บาทต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 35% ส่งผลให้ในปี 2553 บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 0.50 บาทต่อหุ้นในวันที่ 31 มีนาคม 2554ไทยคมขาดทุนต่อเนื่องกว่า 804 ล.
นายสมประสงค์ บุญยะชัย กรรมการบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)(SHIN) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 บริษัทมีกำไรสุทะ 8,031.92 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.51 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 6,495.88 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.03 บาท
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1 ม.ค.-31 มี.ค.54 ในอัตรา 1.53 บาท/หุ้น โดยจ่ายวันที่ 27 เม.ย.54
สำหรับสาเหตุที่ผลประกอบการของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้น มาจากบริษัทฯ มีรายได้เงินปันผลสำหรับปี 2553 สูงกว่าปี 2552 เนื่องจากในปี 2553 บริษัทฯ ได้รับรู้รายได้เงินปันผลพิเศษในอัตราหุ้นละ 11 บาท จากบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)
ก่อนหน้า ได้มีนักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า ขณะนี้ทางกลุ่มเทมาเสก สิงคโปร์ มีกำไรจากการลงทุนในSHIN แล้ว หลังจากซื้อหุ้นใหญ่มาจากครอบครัวชินวัตรและรับซื้อหุ้นจากนักลงทุนทั่วไปมาตั้งแต่ปี 2549โดยกลุ่มเทมาเซกซื้อหุ้น SHIN มาในราคาหุ้นละ 49.25 บาท คิดเป็นประมาณ 1.26 เหรียญสหรัฐ หากรวมเงินปันผลที่ได้รับมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ได้ผลตอบแทนประมาณ 38.7% หรือตกปีละ 7% กว่า
นายธนฑิต เจริญจันทร์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการลงทุน บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการประจำปี 2553 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 6,700 ล้านบาท ลดลง 6.8% จาก 7,188 ล้านบาทในปี 2552 เนื่องมาจากค่าเงินบาทแข็งค่า อีกทั้งรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์ในกัมพูชาและลาวลดลง 32.3% จากปีก่อน
"การที่รายได้จากธุรกิจบริการโทรศัพท์ในกัมพูชาลดลงเป็นผลมาจากเกิดการแข่งขันด้านราคาสูงทำให้ลูกค้าหายไป แต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทำตลาดทำให้ได้ลูกค้ากลับมาจำนวนหนึ่งและเชื่อว่า จะกลับมาเท่าเดิมในไตรมาสถัดไป"
โดยรายได้รวมทั้งหมดมาจากการให้บริการดาวเทียมไทยคม 2 และ 5 และบริการที่เกี่ยวเนื่อง 2,238 ล้านบาท ไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์จำนวน 2,360 ล้านบาท ธุรกิจบริการโทรศัพท์ในกัมพูชาและลาว 1,453 ล้านบาท และธุรกิจการให้บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อมีรายได้ 649 ล้านบาท
"จะเห็นได้ว่า รายได้หลักของไทยคมในปีที่ผ่านมา มาจากการขายแบนด์วิธของไอพีสตาร์ที่เพิ่มขึ้นจากรายได้ในตลาดต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่มีอัตราการเติบโตกว่า 38% โดยจะยังคงแนวทางในการทำตลาดแบบนี้ต่อไป"
ขณะที่ดาวเทียมไทยคม 5 มีปริมาณการเช่าช่องสัญญาณเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของทีวีดาวเทียมในปี 2552 ที่ 283 ช่องรายการเพิ่มขึ้นเป็น 358 ช่องรายการ โดยมีสัดส่วนระหว่างการให้บริการแพร่สัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม 73% ส่วนที่เหลือเป็นการให้แพร่สัญญาณทางโทรคมนาคม
นายธนฑิต ยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากการที่ยังไม่มีการอนุมัติให้ยิงดาวเทียมดวงใหม่ ทำให้จำเป็นต้องมีการบริการจัดการช่องสัญญาณในไทยคม 5 ให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มช่องสัญญาณให้เพียงพอกับความต้องการของตลาด และในอนาคตเชื่อว่า ลูกค้าในส่วนของสัญญาณโทรคมนาคมจะย้ายจากไทยคม 5 ไปยังไอพีสตาร์จากปัจจัยด้านราคาที่ถูกกว่าในประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน
"ท้ายที่สุดแล้ว ดาวเทียมไอพีสตาร์จะใช้ให้บริการด้านเทเลคอมเป็นหลัก ส่วนไทยคม 5 จะใช้บรอดแคสเป็นส่วนใหญ่ ส่วนความคืบหน้าของดาวเทียมดวงใหม่ยังอยู่ในช่วงการศึกษาข้อมูลกับเวนเดอร์ เพื่อเสนอให้บอร์ดต่อไป ขณะเดียวกันก็ยังต้องรอให้ทางไอซีทีอนุมัติ ซึ่งยังไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด"
ส่วนงบลงทุนในปี 2553 ทางไทยคมได้ตั้งงบไว้ราว 150 - 200 ล้านบาท สำหรับใช้พัฒนาเกตเวย์ และเพิ่มความสามารถของโครงข่ายให้เพียงพอกับความต้องการมากขึ้น ส่วนเป้าในปีนี้ตั้งไว้ที่เติบโต 30% ตามรายได้การเติบโตของไอพีสตาร์ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 15%
**ซีเอสแอล โต 3% เล็งทำโมบายแอปฯ
ทางด้านซีเอส ล็อกอินโฟ หรือซีเอสแอล ได้มีการแถลงผลประกอบการประจำปี 2553 มีรายได้รวม 2,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท หรือ 3% จากปีก่อน 2,614 ล้านบาท โดยมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจอินเทอร์เน็ตและการให้บริการข้อมูลด้วยเสียงทางโทรศัพท์ และบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่
ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ของซีเอสแอล จะเน้นบริการด้านธุรกิจบริการเสริมบนโทรศัพท์มือถือมาชดเชยรายได้ของธุรกิจสมุดหน้าเหลืองที่จะมีการปรับเปลี่ยนมาใช้งานออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้รับกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนไป
นายสรรค์ชัย เตียวประเสิรฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลว่า อนาคตของสื่อสิ่งพิมพ์ที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ยอดขายของสมุดหน้าเหลืองลดลงเรื่อยๆ และจะลดลงต่อไปแต่ยังไม่ถึงกับตาย สามารถไปได้เรื่อยๆ อีก 5-7 ปี
"ทีเอ็มซีต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการขายสมุดหน้าเหลืองใหม่เป็นแบบไม่ขายแบ่งโซน รวมถึงมีการลงทุนเพิ่ม 30-40 ล้านเพื่อทำผลิตภัณฑ์บนออนไลน์ และปรับรูปแบบสมุดหน้าเหลืองให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น"
และยังจะทำมีแผนทางการตลาดด้วยการขยายช่องทางธุรกิจบริการเสริมบนโทรศัพท์มือถือของบริษัท เอดี เวนเจอร์ จำกัด เพิ่ม ซึ่งจะเริ่มจากขยายฐานลูกค้าดีแทคและทรูมูฟเพื่อทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว พร้อมทั้งพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันขึ้นไปจำหน่ายยังสมาร์ทโฟนทุกๆ ระบบปฏิบัติการ
ทั้งนี้ กำไรปกติในงบการเงินรวมสำหรับปี 2553 จำนวน 366 ล้านบาท คิดเป็น 0.62 บาท ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 79 ล้านบาท หรือ 28% จากปี 2552 และยังมีกำไรจากงบการเงินเฉพาะกิจสำหรับปี 2553 เท่ากับ 327 ล้านบาท คิดเป็น 0.55 บาทต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 35% ส่งผลให้ในปี 2553 บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 0.50 บาทต่อหุ้นในวันที่ 31 มีนาคม 2554ไทยคมขาดทุนต่อเนื่องกว่า 804 ล.