หุ้นไทยดิ่งเหว ดัชนีรูด 42.89 จุด โดยตลอดทั้งวันที่ผ่านมา เคลื่อนไหวในแดนลบ ก่อนปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 963.68 จุด หรือลดลง 4.26% นับเป็นตลาดหุ้นที่ดัชนีร่วงแรงกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ คาดว่า เป็นเพราะนักลงทุนกังวลเงินทุนไหลออก รวมทั้งเรื่องมาตรการคุมเงินเฟ้อของจีน
วันนี้ (24 ม.ค.) ปิดตลาดหุ้นไทยภาคบ่าย ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงจากความกังวลเงินทุนไหลออก โดยถือเป็นการปรับตัวลดลงของดัชนีที่แรงกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีสูงสุดที่ 999.59 จุด และปิดตลาดที่ 963.68 จุด ลบ 42.89 จุด หรือ 4.26%
โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ BANPU มูลค่าการซื้อขาย 4,014.29 ล้านบาท ปิดที่ 748.00 บาท ลดลง 36.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,737.66 ล้านบาท ปิดที่ 321.00 บาท ลดลง 18.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,440.47 ล้านบาท ปิดที่ 95.50 บาท ลดลง 2.00 บาท IRPC มูลค่าการซื้อขาย 1,419.35 ล้านบาท ปิดที่ 5.25 บาท ลดลง 0.35 บาท และ PTTCH มูลค่าการซื้อขาย 1,363.04 ล้านบาท ปิดที่ 140.00 บาท ลดลง 6.50 บาท
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ร่วงลงกว่า 4% แรงกว่าตลาดในภูมิภาคเอเซีย เนื่องจากความกังวลเงินทุนไหลออก หลังจากในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา ต่างชาติขายกว่า 7.7 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่จีนออกมาตรการคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจีนเตรียมขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ
ด้าน นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ลงแรงกว่าภูมิภาคเอเชียมาจากความกังวลที่จีนเตรียมขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ
ขณะที่ นายสุกิจ อุดมสิริกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ลูกค้าบุคคล และสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรงสุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เป็นผลจากนักลงทุนต่างชาติขายออกมามาก และเมื่อดัชนีหลุดแนวรับสำคัญที่ 980 จุด ก็ทำให้เกิด panic ขายออกมาอีก โดยนักลงทุนในประเทศก็มีการขายตามออกมาด้วย
“วันนี้ตลาดหุ้นในแถบเอเชียใต้ อย่างตลาดหุ้นอินเดีย, ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย, ตลาดฟิลิปปินส์ รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย ต่างก็รับแรงขายจากต่างชาติกันทั่วหน้า เนื่องจากที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมากแล้ว ขณะเดียวกัน ก็มีความวิตกว่าตัวเลขเงินเฟ้อในภูมิภาคแถบนี้จะปรับตัวขึ้นสูงด้วย ทำให้นักลงทุนต่างชาติวิตกและขายหุ้นออกมาก่อน” นายสุกิจ กล่าว
อย่างไรก็ดี เม็ดเงินที่ไหลออกไปมองว่า น่าจะมี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งไหลเข้าไปลงทุนในแถบเอเชียเหนือ อย่างตลาดไต้หวัน, ตลาดเกาหลี เป็นต้น อีกส่วนก็คงจะไหลออกไปจากภูมิภาคเอเชีย โดยการโยกเงินกลับเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ ภายหลังจากเริ่มเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการฟื้นตัวขึ้น และตลาดหุ้นในสหรัฐฯก็ฟื้นด้วย
ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศ มองว่า ไม่น่าจะมีอะไร การเมืองคงยังไม่รุนแรง และตลาดก็ได้ปรับตัวลงมามากแล้วด้วยปัจจัยจากภายนอกประเทศ ดังนั้น ปัจจัยการเมืองคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูต่อไปเท่านั้น
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) นายสุกิจ กล่าวว่า หลังจากที่ตลาดได้ปรับตัวลงไปมากในวันนี้ ก็มีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นได้บ้างในวันพรุ่งนี้ พร้อมให้แนวรับ 950 จุด แนวต้าน 980 จุด