ตลาดหลักทรัพย์ยกระดับคุณภาพการดูแลบริษัทจดทะเบียนเทียบเคียงตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาค ปรับปรุงแนวทางการดูแลบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนด้วยเหตุฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน โดยกำหนดเวลาชัดเจนให้แก้ไขการดำเนินงานไม่เกิน 4 ปี เพื่อประโยชน์ของบริษัทจดทะเบียนและผู้ถือหุ้น
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงาน หรือฐานะการเงินเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจะมีเวลา 3 ปีในการฟื้นฟูกิจการเพื่อให้มีฐานะการเงินที่ไม่เข้าข่ายถูกเพิกถอน และขอขยายเวลาได้อีกไม่เกิน 1 ปี จากเดิมที่ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่แน่นอน
โดยนับตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม นี้ เป็นต้นไป หากมีบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์จะถูกประกาศรายชื่อผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ระบบ SETSMART และเว็บไซต์ www.set.or.th ให้อยู่ในกลุ่ม NC (Non-Compliance) ระยะที่ 1 เพื่อแสดงให้ผู้ลงทุนทราบว่าเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนและขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ โดยให้เวลาฟื้นฟูกิจการเพื่อแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอน 3 ปี
ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในกลุ่ม NC (Non-Compliance) และกลุ่ม NPG (Non-Performing Group) ในปัจจุบัน ตั้งแต่ 10 มีนาคม 54 เป็นต้นไป บริษัทดังกล่าวจะถูกประกาศรายชื่อเป็นกลุ่ม NC ระยะที่ 1 หรือ NPG ระยะที่ 1 พร้อมทั้งให้เวลาฟื้นฟูกิจการเพื่อแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอน 3 ปี ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 3 ปี บริษัทอาจขอให้ตลาดหลักทรัพย์ พิจารณาขยายระยะเวลาได้ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
“การปรับปรุงแนวทางดังกล่าว เทียบเคียงได้กับมาตรฐานของตลาดหุ้นในภูมิภาค ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ และ มาเลเซีย ที่กำหนดเวลาชัดเจนให้บริษัทจดทะเบียนในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนเร่งแก้ไขปัญหาฐานะการเงิน เพื่อให้หุ้นกลับมาซื้อขายได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้นของบริษัท และยังคงไว้ซึ่งคุณภาพของหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์” นายจรัมพร กล่าว
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์จะประกาศรายชื่อบริษัทดังกล่าวในแต่ละระยะ โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะละ 1 ปี ให้ผู้ลงทุนทราบ และหากบริษัทจดทะเบียนใดดำเนินการให้พ้นเหตุเพิกถอนได้ ตลาดหลักทรัพย์จะอนุญาตให้บริษัทซื้อขายหลักทรัพย์ได้ในหมวดปกติ
บริษัทจดทะเบียนจะเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนด้วยเหตุฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน ดังนี้ สินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หยุดประกอบกิจการทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นหรือแสดงความเห็นว่างบการเงินไม่ถูกต้อง 3 ปีติดต่อกัน และส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินฉบับล่าสุดที่ผ่านการตรวจสอบมีค่าน้อยกว่าศูนย์
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงาน หรือฐานะการเงินเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจะมีเวลา 3 ปีในการฟื้นฟูกิจการเพื่อให้มีฐานะการเงินที่ไม่เข้าข่ายถูกเพิกถอน และขอขยายเวลาได้อีกไม่เกิน 1 ปี จากเดิมที่ตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่แน่นอน
โดยนับตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม นี้ เป็นต้นไป หากมีบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์จะถูกประกาศรายชื่อผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ระบบ SETSMART และเว็บไซต์ www.set.or.th ให้อยู่ในกลุ่ม NC (Non-Compliance) ระยะที่ 1 เพื่อแสดงให้ผู้ลงทุนทราบว่าเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนและขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ โดยให้เวลาฟื้นฟูกิจการเพื่อแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอน 3 ปี
ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในกลุ่ม NC (Non-Compliance) และกลุ่ม NPG (Non-Performing Group) ในปัจจุบัน ตั้งแต่ 10 มีนาคม 54 เป็นต้นไป บริษัทดังกล่าวจะถูกประกาศรายชื่อเป็นกลุ่ม NC ระยะที่ 1 หรือ NPG ระยะที่ 1 พร้อมทั้งให้เวลาฟื้นฟูกิจการเพื่อแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอน 3 ปี ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 3 ปี บริษัทอาจขอให้ตลาดหลักทรัพย์ พิจารณาขยายระยะเวลาได้ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
“การปรับปรุงแนวทางดังกล่าว เทียบเคียงได้กับมาตรฐานของตลาดหุ้นในภูมิภาค ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ และ มาเลเซีย ที่กำหนดเวลาชัดเจนให้บริษัทจดทะเบียนในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนเร่งแก้ไขปัญหาฐานะการเงิน เพื่อให้หุ้นกลับมาซื้อขายได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้นของบริษัท และยังคงไว้ซึ่งคุณภาพของหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์” นายจรัมพร กล่าว
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์จะประกาศรายชื่อบริษัทดังกล่าวในแต่ละระยะ โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะละ 1 ปี ให้ผู้ลงทุนทราบ และหากบริษัทจดทะเบียนใดดำเนินการให้พ้นเหตุเพิกถอนได้ ตลาดหลักทรัพย์จะอนุญาตให้บริษัทซื้อขายหลักทรัพย์ได้ในหมวดปกติ
บริษัทจดทะเบียนจะเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนด้วยเหตุฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน ดังนี้ สินทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินการลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หยุดประกอบกิจการทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นหรือแสดงความเห็นว่างบการเงินไม่ถูกต้อง 3 ปีติดต่อกัน และส่วนของผู้ถือหุ้นในงบการเงินฉบับล่าสุดที่ผ่านการตรวจสอบมีค่าน้อยกว่าศูนย์
