ปธ.อาร์เอส แจงข่าวลุยกว้านซื้อหุ้น RS ในกระดาน ถือเป็นการเข้าซื้อเก็บเข้าพอร์ตเพื่อการลงทุน เนื่องจากเห็นการเติบโตของบริษัทและเป็นการลงทุนในระยะยาว พร้อมโต้ข่าวตุนเก็บของไว้ปล่อยกลุ่มทุนเกาหลี เตรียมทุ่ม 200 ล. ลุยธุรกิจทีวีดาวเที่ยม
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS กล่าวถึงการที่ตนเองได้เข้ามาซื้อหุ้น RS ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จำนวนค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า เป็นการเข้าซื้อเก็บเข้าพอร์ตเพื่อการลงทุน เนื่องจากเห็นการเติบโตของบริษัทและเป็นการลงทุนในระยะยาว ไม่ได้มีกลุ่มทุนเกาหลีหรือกลุ่มทุนอื่นมาขอติดต่อซื้อหุ้นจากตัวเอง ตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด
"ผมก็แจ้งตลาดอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการซื้อหุ้นของผมเพราะเห็นอนาคตการเติบโตของบริษัทและยืนยันว่าเป็นการลงทุนระยะยาวไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นให้กลุ่มทุนเกาหลีตามที่เป็นข่าว แต่ยอมรับว่ามีแนวคิดที่จะมีพันธมิตรหากสามารถมี synergy ร่วมกันและทำงานได้ร่วมกันในอนาคต"
ส่วนกรณีที่ราคาหุ้น RS มีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากกองทุนหลายแห่งได้เข้ามาขอข้อมูล และสอบถามศักยภาพของบริษัทถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ได้รับความสนใจการลงทุน เนื่องจากการเติบโตด้านทีวีดาวเทียม และธุรกิจเพลงดิจิตอลที่มีการเติบโตสูง ขณะที่ต้นทุนต่ำ โดยอัตรากำไรของธุรกิจดังกล่าวสูงกว่า 60%
นายสุรชัย ยังตั้งเป้ารายได้ปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 3.1 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ราว 2.9 พันล้านบาท แม้ว่าในปีนี้ไม่มีรายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกเหมือนปีก่อน โดยบริษัทจะเน้นการสร้างรายได้จากธุรกิจทีวีดาวเทียม ซึ่งในปีนี้ได้เตรียมงบลงทุนไว้ราว 200 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้เปิดช่องทีวีดาวเทียมเพิ่มอีก 3 ช่อง
สำหรับในปีนี้บริษัทยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะสูงขึ้น คาดว่าจะทำได้อย่างต่ำ 35% และ อัตรากำไรสุทธิอย่างต่ำที่ 11% Ffpอัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเพลงที่มุ้งเน้นในด้านดิจิตอล 35% ธุรกิจทีวีและทีวีดาวเทียม 25% ธุรกิจกีฬา 20% ที่เหลือโชว์บิซ
บริษัทประมาณการเบื้องต้นในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจทีวีดาวเทียม 100 ล้านบาท จาก 3 ช่อง โดยปัจจุบันมี 2 ช่อง คือ สบายดีทีวี และยูชาแนล และจะเปิดช่อง 8 อินฟีนิตี้ ช่วงเดือน มี.ค.53 ซึ่งจะพลิกโฉมเนื้อหาของทีวีดาวเทียมทั่วไป ด้วยการผลิตละครใหม่ไม่ใช่นำละครเดิมที่ออกอากาศไปแล้วมาออกอากาศใหม่ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 75-100 ล้านบาท
จากนั้นจะมีการเปิดเพิ่มอีก 2 ช่องในช่วงเดือนมิถุนายน 2554 คาดใช้เงินลงทุนในปีนี้ 50 ล้านบาท และจะมีการลงทุนด้านระบบอีกประมาณ 20 ล้านบาท โดยงบลงทุนรวมปีนี้ของ RS คาดว่าจะอยู่ที่ 200 ล้านบาท โดยจะใช้เม็ดเงินจากกระแสเงินสดที่มีประมาณ 500 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการในปี 2553 คาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้สูงกว่าที่กำหนดไว้ในนโยบายที่ 50% ของกำไรสุทธิ เนื่องจากถือว่าปี 2553 เป็นปีที่ RS ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีรายได้เสริมจากฟุตบอลโลก 500 ล้านบาท บริษัทจึงมั่นใจว่าจะจ่ายปันผลได้สูงกว่านโยบายที่จ่าย 50% ของกำไรสุทธิ