อุตสาหกรรมเคเบิลทีวีมีเฮ หลัง กสทช.ไฟเขียว เคเบิลโอปอเรเตอร์แห่ขอใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราวร่วม800ใบ ส่งปี54ร้อนระอุ ฟันธงเคเบิลทีวีโตแน่ 20% จาก 3.5 ล้านครัวเรือน ส่วนทีวีดาวเทียมโตกว่าเล็กน้อย คาดเสาก้างปลาล้มหายตายจากอีก 30% จาก 11 ล้านครัวเรือนในปีก่อน มั่นใจเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้ามาร่วม4,000 ล้านบาท แกรมมี่-อาร์เอสเร่งชิงพื้นที่ดึงฐานผู้ชมหน้าจอ ผุดช่องรายการเพิ่มกันถ้วนหน้า
จากกระแสการเติบโตของอุตสาหกรรมเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมในปี 2553 ที่ผ่านมา ที่ว่าร้อนระอุขึ้นหลายองศาแล้ว แนวโน้มในปี 2554นี้ ดูแล้วจะร้อนมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
แน่นอนว่าเพียงแค่พรบ.ฉบับนี้ประกาศใช้ออกมาอย่างเป็นทางการ ได้ส่งผลต่อความมั่นใจของกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวีและที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น
นายเกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลของการประกาศใช้พรบ.ฉบับนี้ขึ้นมาแล้ว ได้มีการพิจารณาพบว่า มีผลกระทบต่อการสื่อสารไม่ใช้คลื่นมากนัก ซึ่งในที่นี่หมายถึง กิจการเคเบิลทีวีนั่นเอง แต่ทั้งนี้ต้องมีการศึกษาให้ละเอียดกันอีกครั้ง กับพรบ.ฉบับดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ตั้งแต่ในช่วงต้นเดือนม.ค. ในส่วนของพรบ.ที่ภายใน 108วัน หลังประกาศใช้ จะมีการสรรหาคณะกรรมการกสทช.นั้น ในส่วนของการดูแลเคเบิลทีวี ก็ได้เริ่มมีการทยอยออกใบอนุญาติประกอบกิจการเคเบิลทีวีชั่วคราว แบบ ปีต่อปีแล้ว ซึ่งขณะนี้มีผู้ประสงค์ยื่นขอถึง 800 ใบ จากภาพรวมสมาชิกของสมาคมฯมีเพียง400 รายเท่านั้น เพียงหวังอนาคตจะได้ใบอนุญาติประกอบกิจการเคเบิลทีวีแบบถาวรต่อไป
แสดงให้เห็นว่า การประกาศใช้ พรบ.ฉบับนี้ ได้สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีเป้นอย่างมาก แน่นอนว่าตัวเลข800ใบที่ขอนั้น ในความเป็นจริงถือว่ามากเกินความเป็นจริง เพราะมองว่าประเทศไทยควรมีผู้ประกอบการเคเบิลทีวี หรือ เคเบิลโอปอเรเตอร์ที่ 100 รายก็เพียงพอแล้ว มีมากก็แข็งขันมาก และมีแต่เสียกับเสีย ดังนั้นจากตัวเลข800 รายนี้ มองว่าอนาคตจะต้องมีการรวมกลุ่มกันในการเป็นเคเบิลโอปอเรเตอร์ร่วมกันนั่นเอง
***เสาก้างปลาตาย ดันเบิลโต20%***
นายเกษม กล่าวต่อว่า และจากความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นนี้ มั่นใจว่าในปี 2554 จากจำนวนประชากรทั้งประเทศที่มีกว่า 20 ล้านครัวเรือนนั้น ในส่วนของจำนวนครัวเรือนที่จะรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านระบบของเคเบิลโอปอเรเตอร์ จะเติบโต 20% จาก 3.5 ล้านครัวเรือนในปีก่อน เมื่อรวมกับทางทรูวิชั่นส์ สิ้นปี 2553ที่ผ่านมา มีประชากรที่รับชมผ่านระบบเคเบิลทั้งสิ้นราว 4 ล้านครัวเรือนและอีก 5 ล้านครัวเรือน รับชมผ่านระบบจานดาวเทียม โดยในปีนี้ มองว่ากระแสการเติบโตจะสูงกว่าเคเบิลทีวี เพราะการติดตั้งไม่มีข้อจำกัด อีกทั้งกลยุทธ์การติดตั้งให้ฟรีหรือแจกจานดาวเทียมฟรี ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้จานดาวเทียมเติบโตสูงมากในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวี ส่วนที่เหลืออีก 11 ล้านครัวเรือนยังรับชมผ่านเสาก้างปลา ทั้งนี้ในปี2554 คาดว่าตัวเลขการรับชมผ่านเสาก้างปลานั้น จะลดลงไปอีก 30%
***เงินโฆษณาไหลเข้าเคเบิลทีวี 4,000 ล้านบาท***
และจากกระแสการเติบโตนี้เอง ในปี2554นี้ นายเกษม ได้คาดการณ์ถึงเม็ดเงินโฆษณาที่จะไหลเข้ามาสู่อุตสาหกรรมเคเบิลทีวีด้วยว่า น่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท แบ่งออกได้เป็น2ส่วน คือ 1.ในส่วนของทีวีดาวเทียม คาดว่าจะมีสูงถึง 3,000 ล้านบาท และ2. ในส่วนของเคเบิลทีวี มั่นใจว่าจะทำได้ถึง 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 200-300 เท่านั้น
ส่วนสาเหตุที่เม็ดเงินโฆษณาเข้ามามากขึ้นเป็นเท่าตัวนั้น มาจากกระแสความมั่นใจของเอเจนซี่และเจ้าของสินค้า รวมถึงแพลทฟอร์มที่ใช้ในการเก็บข้อมูลสถิติที่ทางสมาคมฯจัดทำขึ้น จะช่วยสร้างความมั่นใจในการทำโฆษณาบนสื่อเคเบิลทีวีให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
***คอนเท้นท์โพไวเดอร์ตบเท้าเพิ่มช่อง***
อย่างไรก็ตามขณะที่กลุ่มเคเบิลโอปอเรเตอร์ และจานดาวเทียมมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นแล้ว ในส่วนของคอนเท้นท์โพไวเดอร์ ถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวี ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในแง่ของช่องรายการใหม่ๆ จะได้เห็นเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของไลฟ์ทีวี โดยนายเกียรติศักดิ์ วังประเสริฐกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ในเครือ บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวไว้ว่า ปีนี้จะเพิ่มช่องรายการใหม่อีก 1 ช่อง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ จากปัจจุบัน ไลฟ์ทีวีมีช่องรายการทั้งสิ้น12 ช่อง + 1 ช่องรีวิว
ด้านยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อย่าง อาร์เอส โดยนางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัตการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ได้เปิดเผยว่า จากปี 2553 ที่ผ่านมา อาร์เอสเปิดให้บริการ ทีวีดาวเทียม 2 ช่อง คือ สบายดี ทีวี และ YOU Channel พบว่า ได้รับการตอบที่ดีมากจากผู้ชม ส่งผลให้ปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะใช้งบลงทุนราว 100 ล้านบาทในการเปิดช่องเคเบิลทีวีเพิ่มขึ้นอีก 1 ช่อง คาดว่าไม่เกินไตรมาสแรกของปีนี้จะเรียบร้อย
ส่วนทางแกรมมี่เองนั้น นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานที่ปรึกษา บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยเช่นกันว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ทางแกรมมี่มีการลงทุนมากสุดในรอบ10 ปี โดยในส่วนของเคเบิลทีวีนั้น จากครึ่งปีก่อน มีช่องรายการเคเบิลทีวีอยู่ 5 ช่อง ภายในปีนี้จะเพิ่มเป็น 10 ช่อง ซึ่งมีทั้งลงทุนเองและร่วมกับพันธมิตร อย่างช่อง สาระแน ของทางลักษ์ 666ที่เข้ามาร่วมในธุรกิจเคเบิลทีวีตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 เป็นต้นมา
จะเห็นได้ว่าการเติบโตของกลุ่มคอนเท้นท์โพไวเดอร์ ถึงแม้จะดูแข่งขันรุนแรง ต่างคนต่างชิงพื้นที่จับจอง ทั้งรายเล็กรายใหญ่ แต่ก็ถือเป็นตัวชี้วัดถึงความรุ่งโรจน์ของอุตสาหกรรมเคเบิลทีวีได้อย่างดีที่สุด เพราะคอนเท้นท์ดีๆกำลังเกิดขึ้นในสื่อนี้ บวกกับกระแสการตอบรับของผู้ชมที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ย่อมเป็นไปตามหลักทฤษฎีที่โฆษณาจะแห่มาลงมากขึ้นในขณะที่สื่อฟรีทีวีดีแต่ปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งจะส่งผลให้เห็นภาพที่เคเบิลทีวีจะกลายมาเป็นคู่แข่งเบอร์สำคัญของฟรีทีวีคงจะไม่ใช่แค่เพ้อฝันอีกต่อไป
จากกระแสการเติบโตของอุตสาหกรรมเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมในปี 2553 ที่ผ่านมา ที่ว่าร้อนระอุขึ้นหลายองศาแล้ว แนวโน้มในปี 2554นี้ ดูแล้วจะร้อนมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
แน่นอนว่าเพียงแค่พรบ.ฉบับนี้ประกาศใช้ออกมาอย่างเป็นทางการ ได้ส่งผลต่อความมั่นใจของกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวีและที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น
นายเกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลของการประกาศใช้พรบ.ฉบับนี้ขึ้นมาแล้ว ได้มีการพิจารณาพบว่า มีผลกระทบต่อการสื่อสารไม่ใช้คลื่นมากนัก ซึ่งในที่นี่หมายถึง กิจการเคเบิลทีวีนั่นเอง แต่ทั้งนี้ต้องมีการศึกษาให้ละเอียดกันอีกครั้ง กับพรบ.ฉบับดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ตั้งแต่ในช่วงต้นเดือนม.ค. ในส่วนของพรบ.ที่ภายใน 108วัน หลังประกาศใช้ จะมีการสรรหาคณะกรรมการกสทช.นั้น ในส่วนของการดูแลเคเบิลทีวี ก็ได้เริ่มมีการทยอยออกใบอนุญาติประกอบกิจการเคเบิลทีวีชั่วคราว แบบ ปีต่อปีแล้ว ซึ่งขณะนี้มีผู้ประสงค์ยื่นขอถึง 800 ใบ จากภาพรวมสมาชิกของสมาคมฯมีเพียง400 รายเท่านั้น เพียงหวังอนาคตจะได้ใบอนุญาติประกอบกิจการเคเบิลทีวีแบบถาวรต่อไป
แสดงให้เห็นว่า การประกาศใช้ พรบ.ฉบับนี้ ได้สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีเป้นอย่างมาก แน่นอนว่าตัวเลข800ใบที่ขอนั้น ในความเป็นจริงถือว่ามากเกินความเป็นจริง เพราะมองว่าประเทศไทยควรมีผู้ประกอบการเคเบิลทีวี หรือ เคเบิลโอปอเรเตอร์ที่ 100 รายก็เพียงพอแล้ว มีมากก็แข็งขันมาก และมีแต่เสียกับเสีย ดังนั้นจากตัวเลข800 รายนี้ มองว่าอนาคตจะต้องมีการรวมกลุ่มกันในการเป็นเคเบิลโอปอเรเตอร์ร่วมกันนั่นเอง
***เสาก้างปลาตาย ดันเบิลโต20%***
นายเกษม กล่าวต่อว่า และจากความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นนี้ มั่นใจว่าในปี 2554 จากจำนวนประชากรทั้งประเทศที่มีกว่า 20 ล้านครัวเรือนนั้น ในส่วนของจำนวนครัวเรือนที่จะรับชมรายการโทรทัศน์ผ่านระบบของเคเบิลโอปอเรเตอร์ จะเติบโต 20% จาก 3.5 ล้านครัวเรือนในปีก่อน เมื่อรวมกับทางทรูวิชั่นส์ สิ้นปี 2553ที่ผ่านมา มีประชากรที่รับชมผ่านระบบเคเบิลทั้งสิ้นราว 4 ล้านครัวเรือนและอีก 5 ล้านครัวเรือน รับชมผ่านระบบจานดาวเทียม โดยในปีนี้ มองว่ากระแสการเติบโตจะสูงกว่าเคเบิลทีวี เพราะการติดตั้งไม่มีข้อจำกัด อีกทั้งกลยุทธ์การติดตั้งให้ฟรีหรือแจกจานดาวเทียมฟรี ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้จานดาวเทียมเติบโตสูงมากในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวี ส่วนที่เหลืออีก 11 ล้านครัวเรือนยังรับชมผ่านเสาก้างปลา ทั้งนี้ในปี2554 คาดว่าตัวเลขการรับชมผ่านเสาก้างปลานั้น จะลดลงไปอีก 30%
***เงินโฆษณาไหลเข้าเคเบิลทีวี 4,000 ล้านบาท***
และจากกระแสการเติบโตนี้เอง ในปี2554นี้ นายเกษม ได้คาดการณ์ถึงเม็ดเงินโฆษณาที่จะไหลเข้ามาสู่อุตสาหกรรมเคเบิลทีวีด้วยว่า น่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท แบ่งออกได้เป็น2ส่วน คือ 1.ในส่วนของทีวีดาวเทียม คาดว่าจะมีสูงถึง 3,000 ล้านบาท และ2. ในส่วนของเคเบิลทีวี มั่นใจว่าจะทำได้ถึง 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 200-300 เท่านั้น
ส่วนสาเหตุที่เม็ดเงินโฆษณาเข้ามามากขึ้นเป็นเท่าตัวนั้น มาจากกระแสความมั่นใจของเอเจนซี่และเจ้าของสินค้า รวมถึงแพลทฟอร์มที่ใช้ในการเก็บข้อมูลสถิติที่ทางสมาคมฯจัดทำขึ้น จะช่วยสร้างความมั่นใจในการทำโฆษณาบนสื่อเคเบิลทีวีให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
***คอนเท้นท์โพไวเดอร์ตบเท้าเพิ่มช่อง***
อย่างไรก็ตามขณะที่กลุ่มเคเบิลโอปอเรเตอร์ และจานดาวเทียมมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นแล้ว ในส่วนของคอนเท้นท์โพไวเดอร์ ถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวี ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในแง่ของช่องรายการใหม่ๆ จะได้เห็นเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของไลฟ์ทีวี โดยนายเกียรติศักดิ์ วังประเสริฐกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ในเครือ บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวไว้ว่า ปีนี้จะเพิ่มช่องรายการใหม่อีก 1 ช่อง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ จากปัจจุบัน ไลฟ์ทีวีมีช่องรายการทั้งสิ้น12 ช่อง + 1 ช่องรีวิว
ด้านยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อย่าง อาร์เอส โดยนางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัตการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ได้เปิดเผยว่า จากปี 2553 ที่ผ่านมา อาร์เอสเปิดให้บริการ ทีวีดาวเทียม 2 ช่อง คือ สบายดี ทีวี และ YOU Channel พบว่า ได้รับการตอบที่ดีมากจากผู้ชม ส่งผลให้ปีนี้ บริษัทเตรียมที่จะใช้งบลงทุนราว 100 ล้านบาทในการเปิดช่องเคเบิลทีวีเพิ่มขึ้นอีก 1 ช่อง คาดว่าไม่เกินไตรมาสแรกของปีนี้จะเรียบร้อย
ส่วนทางแกรมมี่เองนั้น นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานที่ปรึกษา บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยเช่นกันว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ทางแกรมมี่มีการลงทุนมากสุดในรอบ10 ปี โดยในส่วนของเคเบิลทีวีนั้น จากครึ่งปีก่อน มีช่องรายการเคเบิลทีวีอยู่ 5 ช่อง ภายในปีนี้จะเพิ่มเป็น 10 ช่อง ซึ่งมีทั้งลงทุนเองและร่วมกับพันธมิตร อย่างช่อง สาระแน ของทางลักษ์ 666ที่เข้ามาร่วมในธุรกิจเคเบิลทีวีตั้งแต่ช่วงปลายปี 2553 เป็นต้นมา
จะเห็นได้ว่าการเติบโตของกลุ่มคอนเท้นท์โพไวเดอร์ ถึงแม้จะดูแข่งขันรุนแรง ต่างคนต่างชิงพื้นที่จับจอง ทั้งรายเล็กรายใหญ่ แต่ก็ถือเป็นตัวชี้วัดถึงความรุ่งโรจน์ของอุตสาหกรรมเคเบิลทีวีได้อย่างดีที่สุด เพราะคอนเท้นท์ดีๆกำลังเกิดขึ้นในสื่อนี้ บวกกับกระแสการตอบรับของผู้ชมที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ย่อมเป็นไปตามหลักทฤษฎีที่โฆษณาจะแห่มาลงมากขึ้นในขณะที่สื่อฟรีทีวีดีแต่ปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งจะส่งผลให้เห็นภาพที่เคเบิลทีวีจะกลายมาเป็นคู่แข่งเบอร์สำคัญของฟรีทีวีคงจะไม่ใช่แค่เพ้อฝันอีกต่อไป
