พีดีเฮ้าส์ฯกางแผนปี54 เร่งขยายสาขาแฟรนไชรส์เพิ่ม8สาขาหวังดันยอดขายรวมทั้งปีแตะ1,000ล้านบาทโตจากปี53กว่า 26% คาดรับสร้างบ้านปีนี้โต 10% ชี้ปัจจัยหนุนผู้เล่นรายใหม่ เซ็กเม้นท์ใหม่ ต่างจังหวัดขยายตัว ปรับสัดส่วนรายได้ตลาดต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 80% กทม.และปริมณฑล 20% พร้อมขนกลยุทธ์ตลาด Economy of Scale ช่วยลดต้นทุนสร้างบ้าน เตรียมทุ่มงบการตลาด 110 ล้านบาท อัดโปรโมชั่นลดสูงสุด 15% ไตรมาสแรก
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ในปี 2554 นี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ 1,000 ล้านบาท หรือมีรายได้เติบโตจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม740ล้านบาทประมาณ26% โดยปัจจัยหนุนที่จะผลักดันให้ปีนี้บริษัทมีรายได้รวมแตะ 1,000 ล้านบาท นั้นมาจากการขยายตัวของตลาดรวมในต่างจังหวัด การขยายตัวของเศรษฐกิจ การสนับสนุนสินเชื่อของสถาบันการเงินซึ่งเข้ามาปล่อยกู้กลุ่มลูกค้ารับสร้างบ้านมากขึ้น และการขยายสาขาแฟรนไชรส์ของบริษัทในปีนี้เพิ่มอีก8สาขาในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีสาขาแฟรนไชรส์รวม28สาขาภายในปีนี้
ทั้งนี้ พีดีเฮ้าส์ ฯได้วางสัดส่วนยอดขายในกรุงเทพฯ และปริมณทลประมาณ 20 % หรือประมาร 200ล้านบาท และต่างจังหวัดประมาณ 80 % หรือมีรายได้800ล้านบาท จากเดิมที่ในปีก่อนหน้ามีสัดส่วนรายได้จาดกทม.23% หรือมีรายได้108ล้านบาท และมีรายได้จากตลาดต่างจังหวัด 77% หรือมีรายได้362 ล้านบาท
“การเต้าเป้ายอดขายที่เติบโตค่อนข้างมากถึง26% นั้น ทำให้พีดีเฮ้าส์ ฯผลักดันให้สาขาแฟรนไชรส์ มียอดขายเฉลี่ย 40 ล้านบาทต่อสาขานั้น ถือว่าไม่สูงมากและอาจจะทำยอดขายได้สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ดังนั้นบริษัทฯ จะประเมินความเป็นไปได้อีกครั้งเมื่อสิ้นสุดไตรมาส 2”
อย่างไรก็ตามการขยายสาขาในปีนี้จะเป็นในลักษณะลงทุนเองและขายแฟรนไชส์ แต่บริษัทฯ จะเน้นขายแฟรนไชส์ก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งนี้เพราะต้องการสร้างให้เกิดเครือข่าย SME ในภาคธุรกิจรับสร้างบ้าน เพื่อให้มีความเข้มแข็งและแข่งขันกับรายใหญ่ได้อย่างไม่เสียเปรียบ ยกเว้นจังหวัดหรือพื้นที่ใดที่มีศักยภาพ แต่ไม่มีผู้สนใจขอลงทุนซื้อแฟรนไชส์ บริษัทฯ ก็จะเป็นผู้ลงทุนเอง โดยจังหวัดเป้าหมายที่จะขยายสาขาในปีนี้ได้แก่ เชียงราย นครสวรรค์ อุบลราชธานี สุรินทร์ จันทบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพฯ
ด้านนางมาลี สุวรรณสุต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี2554 นี้ บริษัทจะนำแนวคิด Economy of Scale หรือมีการซื้อวัสดุเป็นล๊อตขนาดใหญ่เพื่อให้สามารถต่อรองราคาวัสดุเป็นการลดต้นทุนด้านวัสดุก่อสร้างเพื่อรับมือกับแนวโน้มการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้างที่จะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ ซึ่งคาดว่าวัสดุก่อสร้างโดยรวมจะปรับตัวขึ้น5% ซึ่งจะมีผลต่อการขยับขึ้นของต้นทุนบ้าน1-2%
ทั้งนี้การสั่งซื้อวัสดุเป็นล๊อตขนาดใหญ่นั้น จะส่งผลให้คู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ที่เป็นพันธมิตรจะมีคำสั่งซื้อจากบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านๆ มากว่า 100% ดังนั้นจึงช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยและค่าการตลาดของคู่ค้าลง ทำให้คู่ค้าลดราคาวัสดุต่อหน่วยลงตาม และบริษัทฯ ก็จะนำต้นทุนที่ต่ำลงมาลดราคาบ้านและจัดโปรโมชั่นคืนกำไรให้ลูกค้า โดยในไตรมาสแรกนี้ได้จัดแคมเปญมอบส่วนลดสูงสุด 15 % สำหรับ 6 แบบบ้านใหม่ในระดับราคา 1.8-2.3 ล้านบาทเศษ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 - 5 ปีนี้ที่ พีดีเฮ้าส์ มีแคมเปญแรงๆ ออกมากระตุ้นยอดขายเป็นแคมเปญแรกจากทั้งหมด2แคมเปญที่วางไว้ทั้งปี
สำหรับแคมเปญที่ 2 เป็นการมอบโชค 4 ต่อให้ลูกค้าที่สร้างบ้านตามแบบมาตรฐานของบริษัทฯ โดยจะได้รับ IPAD SUMSUNG เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องปรับอากาศ SUMSUNG ตู้เย็น SUMSUNG นอกจากนี้ลูกค้ายังได้รับส่วนลดเงินสดอีก 100,000-900,000 บาท ซึ่งแคมเปญทั้งหมดนี้จะมอบให้ลูกค้าที่จองสร้างบ้าน ตั้งแต่วันนี้ - 28 กุมภาพันธ์เท่านั้น โดยแคมเปญแรกบริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายบ้านประมาณ 30หลัง และแคมเปญที่สองจะมียอดขายบ้าน60หลัง
“ปีนี้บริษัทฯได้เตรียมงบการตลาดไว้ทั้งสิ้น 110 ล้านบาท แบ่งเป็นงบโปรโมชั่นและส่งเสริมการขาย 80 ล้านบาท หรือ 8% และงบโฆษณาและประชาสัมพันธ์ 30 ล้านบาท หรือ 3% ของยอดขายรวมปี 2554 นี้”
สำหรับแนวโน้มตลาดรวมของปีนี้ คาดว่าตลาดรวมรับสร้างบ้านทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จะสามารถเติบโตได้มากกว่า 10 % โดยมีปัจจัยบวกคือ ผู้ประกอบการที่เข้ามาใหม่ช่วยเพิ่มมูลค่าการเติบโต การขยายสาขาของผู้ประกอบการไปสู่ตลาดใหม่โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด การกระตุ้นตลาดของสถาบันการเงินเกี่ยวกับสินเชื่อปลูกสร้างบ้านเอง ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านปีนี้เติบโตดังที่กล่าวข้างต้น
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ในปี 2554 นี้ บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ 1,000 ล้านบาท หรือมีรายได้เติบโตจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม740ล้านบาทประมาณ26% โดยปัจจัยหนุนที่จะผลักดันให้ปีนี้บริษัทมีรายได้รวมแตะ 1,000 ล้านบาท นั้นมาจากการขยายตัวของตลาดรวมในต่างจังหวัด การขยายตัวของเศรษฐกิจ การสนับสนุนสินเชื่อของสถาบันการเงินซึ่งเข้ามาปล่อยกู้กลุ่มลูกค้ารับสร้างบ้านมากขึ้น และการขยายสาขาแฟรนไชรส์ของบริษัทในปีนี้เพิ่มอีก8สาขาในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีสาขาแฟรนไชรส์รวม28สาขาภายในปีนี้
ทั้งนี้ พีดีเฮ้าส์ ฯได้วางสัดส่วนยอดขายในกรุงเทพฯ และปริมณทลประมาณ 20 % หรือประมาร 200ล้านบาท และต่างจังหวัดประมาณ 80 % หรือมีรายได้800ล้านบาท จากเดิมที่ในปีก่อนหน้ามีสัดส่วนรายได้จาดกทม.23% หรือมีรายได้108ล้านบาท และมีรายได้จากตลาดต่างจังหวัด 77% หรือมีรายได้362 ล้านบาท
“การเต้าเป้ายอดขายที่เติบโตค่อนข้างมากถึง26% นั้น ทำให้พีดีเฮ้าส์ ฯผลักดันให้สาขาแฟรนไชรส์ มียอดขายเฉลี่ย 40 ล้านบาทต่อสาขานั้น ถือว่าไม่สูงมากและอาจจะทำยอดขายได้สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ดังนั้นบริษัทฯ จะประเมินความเป็นไปได้อีกครั้งเมื่อสิ้นสุดไตรมาส 2”
อย่างไรก็ตามการขยายสาขาในปีนี้จะเป็นในลักษณะลงทุนเองและขายแฟรนไชส์ แต่บริษัทฯ จะเน้นขายแฟรนไชส์ก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งนี้เพราะต้องการสร้างให้เกิดเครือข่าย SME ในภาคธุรกิจรับสร้างบ้าน เพื่อให้มีความเข้มแข็งและแข่งขันกับรายใหญ่ได้อย่างไม่เสียเปรียบ ยกเว้นจังหวัดหรือพื้นที่ใดที่มีศักยภาพ แต่ไม่มีผู้สนใจขอลงทุนซื้อแฟรนไชส์ บริษัทฯ ก็จะเป็นผู้ลงทุนเอง โดยจังหวัดเป้าหมายที่จะขยายสาขาในปีนี้ได้แก่ เชียงราย นครสวรรค์ อุบลราชธานี สุรินทร์ จันทบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี และกรุงเทพฯ
ด้านนางมาลี สุวรรณสุต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาด กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี2554 นี้ บริษัทจะนำแนวคิด Economy of Scale หรือมีการซื้อวัสดุเป็นล๊อตขนาดใหญ่เพื่อให้สามารถต่อรองราคาวัสดุเป็นการลดต้นทุนด้านวัสดุก่อสร้างเพื่อรับมือกับแนวโน้มการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้างที่จะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ ซึ่งคาดว่าวัสดุก่อสร้างโดยรวมจะปรับตัวขึ้น5% ซึ่งจะมีผลต่อการขยับขึ้นของต้นทุนบ้าน1-2%
ทั้งนี้การสั่งซื้อวัสดุเป็นล๊อตขนาดใหญ่นั้น จะส่งผลให้คู่ค้าหรือซัพพลายเออร์ที่เป็นพันธมิตรจะมีคำสั่งซื้อจากบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านๆ มากว่า 100% ดังนั้นจึงช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยและค่าการตลาดของคู่ค้าลง ทำให้คู่ค้าลดราคาวัสดุต่อหน่วยลงตาม และบริษัทฯ ก็จะนำต้นทุนที่ต่ำลงมาลดราคาบ้านและจัดโปรโมชั่นคืนกำไรให้ลูกค้า โดยในไตรมาสแรกนี้ได้จัดแคมเปญมอบส่วนลดสูงสุด 15 % สำหรับ 6 แบบบ้านใหม่ในระดับราคา 1.8-2.3 ล้านบาทเศษ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 - 5 ปีนี้ที่ พีดีเฮ้าส์ มีแคมเปญแรงๆ ออกมากระตุ้นยอดขายเป็นแคมเปญแรกจากทั้งหมด2แคมเปญที่วางไว้ทั้งปี
สำหรับแคมเปญที่ 2 เป็นการมอบโชค 4 ต่อให้ลูกค้าที่สร้างบ้านตามแบบมาตรฐานของบริษัทฯ โดยจะได้รับ IPAD SUMSUNG เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องปรับอากาศ SUMSUNG ตู้เย็น SUMSUNG นอกจากนี้ลูกค้ายังได้รับส่วนลดเงินสดอีก 100,000-900,000 บาท ซึ่งแคมเปญทั้งหมดนี้จะมอบให้ลูกค้าที่จองสร้างบ้าน ตั้งแต่วันนี้ - 28 กุมภาพันธ์เท่านั้น โดยแคมเปญแรกบริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายบ้านประมาณ 30หลัง และแคมเปญที่สองจะมียอดขายบ้าน60หลัง
“ปีนี้บริษัทฯได้เตรียมงบการตลาดไว้ทั้งสิ้น 110 ล้านบาท แบ่งเป็นงบโปรโมชั่นและส่งเสริมการขาย 80 ล้านบาท หรือ 8% และงบโฆษณาและประชาสัมพันธ์ 30 ล้านบาท หรือ 3% ของยอดขายรวมปี 2554 นี้”
สำหรับแนวโน้มตลาดรวมของปีนี้ คาดว่าตลาดรวมรับสร้างบ้านทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จะสามารถเติบโตได้มากกว่า 10 % โดยมีปัจจัยบวกคือ ผู้ประกอบการที่เข้ามาใหม่ช่วยเพิ่มมูลค่าการเติบโต การขยายสาขาของผู้ประกอบการไปสู่ตลาดใหม่โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด การกระตุ้นตลาดของสถาบันการเงินเกี่ยวกับสินเชื่อปลูกสร้างบ้านเอง ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านปีนี้เติบโตดังที่กล่าวข้างต้น