กคช.เซ็นสัญญา 2 บริษัทเอกชนบริหารการขายโครงการบ้านเอื้อฯ หวังลดสต๊อกโครงการที่ขายยาก ส่วนใหญ่ในจ.เชียงราย สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร กำหนดเกณฑ์ต้องวางแบงก์การันตี ป้องกันหากต้องซื้อคืน โดยหักเปอร์เซ็นคืนจากบริษัทเอกชนที่ได้รับ ลั่นกำหนดเพดานยอดปฎิเสธสินเชื่อไม่เกิน 20% หลังแนวโน้มลดลง
นายสมชัย เชาว์พฤติพงศ์ รองผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ(กคช.) เปิดเผยถึงการบริหารจัดการโครงการบ้านเอื้ออาทรว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ทางกคช.ได้เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอเข้ามาดำเนินการขายโครงการบ้านเอื้อฯ โดยสามารถสร้างผลงานในการขายไปแล้วไม่น้อยกว่า 3,000 หน่วย โดยล่าสุด กคช.ได้ทำสัญญาจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการขายโครงการในโซนที่ขายยากโดยได้มีการทำสัญญาไป 2 บริษัท เป็นการทำสัญญาระยะเวลา 1 ปี สำหรับการขายแต่จะทำการประเมินผลทุก 3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งโซนที่ให้เอกชนขายนั้นส่วนมากจะเป็นโซนปริมณฑลและต่างจังหวัด เช่น สมุทรปราการ , นครปฐม , สมุทรสาคร และในจ.เชียงรายที่เริ่มขายแล้ว โครงการในเขตกรุงเทพฯไม่มี เป็นต้น
" ที่ผ่านมาโครงการเหล่านี้ มีลูกค้าอยู่แล้ว แต่ด้วยระยะการก่อสร้างที่อาจจะนานเกิน 1 ปี ถึง 2 ปี แต่ความต้องการซื้อของลูกค้ารอได้ 6 เดือน ถึง 1 ปี ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ เมื่อได้แหล่งงานใหม่ ก็ต้องหาซื้อโครงการอื่นแทน ทำให้กคช.ต้องนำกลับมารีเซลใหม่ " นายสมชัยกล่าว อนึ่ง ตัวเลขของยูนิตที่ต้องดำเนินการขายรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างรวม 55,000 หน่วย แต่หากเป็นโครงการพร้อมอยู่จะประมาณ 45,000 หน่วย
สำหรับผลตอบแทนที่กคช. จะต้องจ่ายให้เอกชนที่ขายบ้านได้กำหนดผลตอบแทนไม่เกิน 2.5 % ของราคาขายหรือประมาณ 9,000 บาทต่อห้อง ส่วนราคาขายเอกชนก็ยังขายในราคาเดิม 390,000 บาทต่อห้อง หรือในบางทำเลที่มีการปรับราคาแล้วก็ต้องขายตามราคาที่การเคหะฯ ปรับขึ้น ทั้งนี้ ทางผู้เสนนต้องเข้าหลักเกณฑ์ที่กคช.กำหนดไว้ รวมถึงต้องมีหนังสือค้ำประกัน(แบงก์การันตี)จากสถาบันการเงิน ในกรณีที่เกิดปัญหาลูกค้าค้างชำระเกิน 3 เดือน และหากกคช.ต้องซื้อคืนหนี้จากสถาบันการเงิน จะดำเนินการหักส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ที่ให้แก่เอกชนคืนกลับมาในอัตราที่จ่ายไปให้
"การเคหะฯได้ตั้งเป้าให้บริษัทเอกชนสำหรับการขายในแต่ละโครงการไว้ไม่เท่ากัน ซึ่งในการขายนอกเวลาทำการ ถ้าหากให้กคช.ขายเอง ต้องใช้พนักงานจากส่วนกลางและต้องใช้งบประมาณอีกมากในการจ่ายโอทีให้กับพนักงานที่อยู่เกินเวลาทำการ ซึ่งอาจจะยังผลต่อผลการดำเนินงานที่มีผลต่อฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล"
นายสมชัย กล่าวถึงแนวโน้มยอดการถูกปฏิเสธสินเชื่อว่า ค่อนข้างปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการหารือกับสถาบันการเงิน และผู้ซื้ออย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ตัวเลขมาอยู่ระดับประมาณ 20% จากก่อนหน้าจะสูงเกิน 30% ทั้งนี้ ทางกคช.ได้วางเพดานการบริหารจัดการ ยอดการปฎิเสธสินเชื่อไม่เกิน 20% ซึ่งน่าจะอยู่ในแนวทางที่ทำได้ ขณะเดียวกัน ตัวเลขการรับซื้อคืนหนี้จะต้องไม่เกิน 2%
นอกจากการจ้างเอกชนเข้ามาขายโครงการบ้านเอื้อฯแล้ว กคช.ได้มีการหารายได้เพิ่มจากค่าเช่าโครงการแฟลตต่างๆโดยจะมีการปรับราคาค่าเช่าเป็นแบบขั้นบันได คือ เริ่มจากการทำสัญญาตั้งแต่ต้นกับผู้เช่า แจ้งให้ลูกค้าทราบ แต่จริงๆการเคหะฯ ทำมาแล้วปีที่สองและสาม เป็นขั้นบันไดไป ทุกวันนี้การเคหะฯ ทำอยู่แล้วแต่ลูกค้าที่มาเซ็นสัญญาส่วนมากจะไม่ทราบซึ่งขณะนี้ก็เริ่มสื่อไปถึงผู้เช่าเพิ่มมากขึ้นแล้ว โดยการปรับราคาขึ้นอาจจะประมาณ 5% ขึ้น ส่วนขั้นบันไดจะเริ่มในปีที่ 3-5 ก็ได้
ขณะนี้ กคช.มีแผนปรับปรุงอาคารเช่าทั้งหมด แฟลตเก่าการเคหะฯก็ทาสี การขึ้นค่าเช่าเป็นเรื่องปกติ ขณะนี้ได้เริ่มให้พนักงานการเคหะฯเข้าสำรวจแฟลตเช่าทั่วประเทศ ซึ่งมีชุมชนต่างๆ อยู่ทั่วประเทศประมาณ50,000 ยูนิต แต่การเคหะฯ จะมีการปรับปรุงประมาณ 10,000 ยูนิตในระยะแรกก่อน
นายสมชัย เชาว์พฤติพงศ์ รองผู้ว่าการ การเคหะแห่งชาติ(กคช.) เปิดเผยถึงการบริหารจัดการโครงการบ้านเอื้ออาทรว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ทางกคช.ได้เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอเข้ามาดำเนินการขายโครงการบ้านเอื้อฯ โดยสามารถสร้างผลงานในการขายไปแล้วไม่น้อยกว่า 3,000 หน่วย โดยล่าสุด กคช.ได้ทำสัญญาจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการขายโครงการในโซนที่ขายยากโดยได้มีการทำสัญญาไป 2 บริษัท เป็นการทำสัญญาระยะเวลา 1 ปี สำหรับการขายแต่จะทำการประเมินผลทุก 3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งโซนที่ให้เอกชนขายนั้นส่วนมากจะเป็นโซนปริมณฑลและต่างจังหวัด เช่น สมุทรปราการ , นครปฐม , สมุทรสาคร และในจ.เชียงรายที่เริ่มขายแล้ว โครงการในเขตกรุงเทพฯไม่มี เป็นต้น
" ที่ผ่านมาโครงการเหล่านี้ มีลูกค้าอยู่แล้ว แต่ด้วยระยะการก่อสร้างที่อาจจะนานเกิน 1 ปี ถึง 2 ปี แต่ความต้องการซื้อของลูกค้ารอได้ 6 เดือน ถึง 1 ปี ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ เมื่อได้แหล่งงานใหม่ ก็ต้องหาซื้อโครงการอื่นแทน ทำให้กคช.ต้องนำกลับมารีเซลใหม่ " นายสมชัยกล่าว อนึ่ง ตัวเลขของยูนิตที่ต้องดำเนินการขายรวมกับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างรวม 55,000 หน่วย แต่หากเป็นโครงการพร้อมอยู่จะประมาณ 45,000 หน่วย
สำหรับผลตอบแทนที่กคช. จะต้องจ่ายให้เอกชนที่ขายบ้านได้กำหนดผลตอบแทนไม่เกิน 2.5 % ของราคาขายหรือประมาณ 9,000 บาทต่อห้อง ส่วนราคาขายเอกชนก็ยังขายในราคาเดิม 390,000 บาทต่อห้อง หรือในบางทำเลที่มีการปรับราคาแล้วก็ต้องขายตามราคาที่การเคหะฯ ปรับขึ้น ทั้งนี้ ทางผู้เสนนต้องเข้าหลักเกณฑ์ที่กคช.กำหนดไว้ รวมถึงต้องมีหนังสือค้ำประกัน(แบงก์การันตี)จากสถาบันการเงิน ในกรณีที่เกิดปัญหาลูกค้าค้างชำระเกิน 3 เดือน และหากกคช.ต้องซื้อคืนหนี้จากสถาบันการเงิน จะดำเนินการหักส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ที่ให้แก่เอกชนคืนกลับมาในอัตราที่จ่ายไปให้
"การเคหะฯได้ตั้งเป้าให้บริษัทเอกชนสำหรับการขายในแต่ละโครงการไว้ไม่เท่ากัน ซึ่งในการขายนอกเวลาทำการ ถ้าหากให้กคช.ขายเอง ต้องใช้พนักงานจากส่วนกลางและต้องใช้งบประมาณอีกมากในการจ่ายโอทีให้กับพนักงานที่อยู่เกินเวลาทำการ ซึ่งอาจจะยังผลต่อผลการดำเนินงานที่มีผลต่อฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล"
นายสมชัย กล่าวถึงแนวโน้มยอดการถูกปฏิเสธสินเชื่อว่า ค่อนข้างปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการหารือกับสถาบันการเงิน และผู้ซื้ออย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ตัวเลขมาอยู่ระดับประมาณ 20% จากก่อนหน้าจะสูงเกิน 30% ทั้งนี้ ทางกคช.ได้วางเพดานการบริหารจัดการ ยอดการปฎิเสธสินเชื่อไม่เกิน 20% ซึ่งน่าจะอยู่ในแนวทางที่ทำได้ ขณะเดียวกัน ตัวเลขการรับซื้อคืนหนี้จะต้องไม่เกิน 2%
นอกจากการจ้างเอกชนเข้ามาขายโครงการบ้านเอื้อฯแล้ว กคช.ได้มีการหารายได้เพิ่มจากค่าเช่าโครงการแฟลตต่างๆโดยจะมีการปรับราคาค่าเช่าเป็นแบบขั้นบันได คือ เริ่มจากการทำสัญญาตั้งแต่ต้นกับผู้เช่า แจ้งให้ลูกค้าทราบ แต่จริงๆการเคหะฯ ทำมาแล้วปีที่สองและสาม เป็นขั้นบันไดไป ทุกวันนี้การเคหะฯ ทำอยู่แล้วแต่ลูกค้าที่มาเซ็นสัญญาส่วนมากจะไม่ทราบซึ่งขณะนี้ก็เริ่มสื่อไปถึงผู้เช่าเพิ่มมากขึ้นแล้ว โดยการปรับราคาขึ้นอาจจะประมาณ 5% ขึ้น ส่วนขั้นบันไดจะเริ่มในปีที่ 3-5 ก็ได้
ขณะนี้ กคช.มีแผนปรับปรุงอาคารเช่าทั้งหมด แฟลตเก่าการเคหะฯก็ทาสี การขึ้นค่าเช่าเป็นเรื่องปกติ ขณะนี้ได้เริ่มให้พนักงานการเคหะฯเข้าสำรวจแฟลตเช่าทั่วประเทศ ซึ่งมีชุมชนต่างๆ อยู่ทั่วประเทศประมาณ50,000 ยูนิต แต่การเคหะฯ จะมีการปรับปรุงประมาณ 10,000 ยูนิตในระยะแรกก่อน