“แม่ทองสุข” โชว์ยอดขายทองคำทั้งปี 53 โตกว่า 170,000 ล้านบาท จากความสนใจของนักลงทุนหลังราคาปรับขึ้นต่อเนื่องหวังปีนี้แตะ 2 แสนล้าน พร้อมตั้งเป้าการซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สในเอ็มทีเอสขยายตัวเพิ่ม 20-25% จากปีก่อนที่ครองมาร์เกตแชร์มากสุด “กฤชรัตน์” มองราคาทองคำเริ่มหยุดปรับตัวลง ทั้งปียังเชื่อราคาแตะ 2.2-2.3 หมื่นบาท
นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มบริษัท แม่ทองสุก เอ็มทีเอส โกลด์ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีมูลค่าการซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณรวมทั้งสิ้นมากกว่า 170 ตัน หรือมูลค่ากว่า 170,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 30% จากปี 52 เนื่องจากธุรกิจด้านการลงทุนทองคำแท่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก หลังราคาทองคำในตลาดโลกมีความเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก
ประกอบกับ บริษัทมีการพัฒนานวัตกรรมด้านการลงทุนใหม่ๆ ออกมาเพื่อรองรับลูกค้า จึงส่งผลให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 30% โดยปัจจุบันมีนักลงทุนสนใจใช้บริการลงทุนทองคำแท่งเป็นประจำกว่า 2,000 ราย ทำให้ในปีนี้ตั้งเป้ามูลค่าซื้อขายจากการลงทุนทองคำแท่งเพิ่มขึ้นถึง 200,000 ล้านบาท เพราะมองว่าตลาดการลงทุนมีอัตราการเติบโตอย่างคึกคักเป็นปัจจัยสนับสนุน
ด้านธุรกิจการลงทุนซื้อขายสัญญาทองคำล่วงหน้า (โกลด์ ฟิวเจอร์ส) บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด มีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดนที่ 1โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด 18% วอลุ่มการซื้อขายทั้งปีเฉลี่ย 1,300 สัญญา/วัน ทำให้ ตั้งเป้าการเติบโตในการซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สปีนี้ไว้ 20-25% ซึ่งภาพรวมมองว่า โกลด์ ฟิวเจอร์ส ทั้งปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน100% เช่นเดียวกับมินิโกลด์ ฟิวเจอร์สที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สทั้งระบบ จากปีก่อนที่อยู่ประมาณ 30%
นอกจากนี้ มองว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2/54 ตลาดทองคำ และ Gold Future จะผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอีก 3 ตัว ได้แก่ Gold ETF, Silver Futures และการขยายเวลาเทรดไปถึง 22.30 น.จะทำให้ความสนใจลงทุนในทองคำของคนไทยก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับราคาทองคำในปี 54 นพ.กฤชรัตน์ กล่าวว่า จะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 1,500 เหรียญ/ออนซ์ และมีโอกาสขึ้นไปเกินกว่า 1,600 เหรียญ/ออนซ์ หรือ 2.2 -2.3 หมื่นบาทเช่นกัน เพราะมองว่าปีนี้ทองคำยังอยู่ในช่วงขาขึ้นและยังสามารถลงทุนได้อยู่ เนื่องจากความต้องการทองคำในตลาดโลกยังมีอยู่สูง โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ช่วงนี้ใกล้สู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แม้ตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯจะลดลงสู่ระดับ 9.4% แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูง
“ตอนนี้คาดว่าราคาทองคำจะพักฐานที่ระดับประมาณ 1,360-1,380 ดอลลาร์/ออนซ์ ไปอีกประมาณ 10 วัน ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นใหม่ ด้านราคาทองคำในประเทศจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 19,700-19,850 บาท ดังนั้น นักลงทุนระยะสั้น แนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง และสามารถขายบริเวณแนวต้าน 19,850 บาท ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะนำซื้อแล้วถือข้ามเทศกาลตรุษจีน”
นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มบริษัท แม่ทองสุก เอ็มทีเอส โกลด์ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีมูลค่าการซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณรวมทั้งสิ้นมากกว่า 170 ตัน หรือมูลค่ากว่า 170,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 30% จากปี 52 เนื่องจากธุรกิจด้านการลงทุนทองคำแท่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก หลังราคาทองคำในตลาดโลกมีความเคลื่อนไหวค่อนข้างมาก
ประกอบกับ บริษัทมีการพัฒนานวัตกรรมด้านการลงทุนใหม่ๆ ออกมาเพื่อรองรับลูกค้า จึงส่งผลให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่า 30% โดยปัจจุบันมีนักลงทุนสนใจใช้บริการลงทุนทองคำแท่งเป็นประจำกว่า 2,000 ราย ทำให้ในปีนี้ตั้งเป้ามูลค่าซื้อขายจากการลงทุนทองคำแท่งเพิ่มขึ้นถึง 200,000 ล้านบาท เพราะมองว่าตลาดการลงทุนมีอัตราการเติบโตอย่างคึกคักเป็นปัจจัยสนับสนุน
ด้านธุรกิจการลงทุนซื้อขายสัญญาทองคำล่วงหน้า (โกลด์ ฟิวเจอร์ส) บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด มีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดนที่ 1โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด 18% วอลุ่มการซื้อขายทั้งปีเฉลี่ย 1,300 สัญญา/วัน ทำให้ ตั้งเป้าการเติบโตในการซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สปีนี้ไว้ 20-25% ซึ่งภาพรวมมองว่า โกลด์ ฟิวเจอร์ส ทั้งปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน100% เช่นเดียวกับมินิโกลด์ ฟิวเจอร์สที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สทั้งระบบ จากปีก่อนที่อยู่ประมาณ 30%
นอกจากนี้ มองว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2/54 ตลาดทองคำ และ Gold Future จะผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอีก 3 ตัว ได้แก่ Gold ETF, Silver Futures และการขยายเวลาเทรดไปถึง 22.30 น.จะทำให้ความสนใจลงทุนในทองคำของคนไทยก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สำหรับราคาทองคำในปี 54 นพ.กฤชรัตน์ กล่าวว่า จะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 1,500 เหรียญ/ออนซ์ และมีโอกาสขึ้นไปเกินกว่า 1,600 เหรียญ/ออนซ์ หรือ 2.2 -2.3 หมื่นบาทเช่นกัน เพราะมองว่าปีนี้ทองคำยังอยู่ในช่วงขาขึ้นและยังสามารถลงทุนได้อยู่ เนื่องจากความต้องการทองคำในตลาดโลกยังมีอยู่สูง โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ช่วงนี้ใกล้สู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แม้ตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯจะลดลงสู่ระดับ 9.4% แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูง
“ตอนนี้คาดว่าราคาทองคำจะพักฐานที่ระดับประมาณ 1,360-1,380 ดอลลาร์/ออนซ์ ไปอีกประมาณ 10 วัน ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นใหม่ ด้านราคาทองคำในประเทศจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 19,700-19,850 บาท ดังนั้น นักลงทุนระยะสั้น แนะนำซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลง และสามารถขายบริเวณแนวต้าน 19,850 บาท ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะนำซื้อแล้วถือข้ามเทศกาลตรุษจีน”
