xs
xsm
sm
md
lg

“ธาริษา” เมิน “ไตรรงค์” ยืนยันไม่เคยถกประเด็นนำทุนสำรองฯไปใช้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เผย การปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไป พิจารณาปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ระบุ ไม่ห่วงเงินทุนนอกไหลเข้าไทย เพราะเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งภูมิภาค ขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นมากแล้ว ยันยังไม่ได้พูดคุยกับใครในประเด็นนำทุนสำรองฯ มาใช้

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะพิจารณาปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากเศรษฐกิจของแต่ละประเทศแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะเป็นพิจารณาข้อมูลล่าสุดแล้วนำมาประเมิน ทำให้ขณะนี้ไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ ซึ่งถ้าถามอย่างนี้ทั้งสิบครั้งก็จะตอบอย่างนี้ทั้งสิบครั้ง

ทั้งนี้ แม้ในปัจจุบันเงินทุนจากต่างประเทศจะไหลเข้ามายังไทยจำนวนมาก และมากกว่าช่วงก่อนหน้านี้ แต่เข้าใจดีว่าเงินทุนไหลเข้าทั้งภูมิภาคเอเชีย และขณะนี้สถานการณ์เงินทุนไหลเริ่มดีขึ้นมากแล้ว จึงไม่ได้มีความเป็นห่วงมากนัก

ต่อข้อซักถามที่ว่ามีผู้เสนอให้นำทุนสำรองระหว่างประเทศ ถือว่ามีปริมาณมากนำมาซื้อพันธบัตรของกระทรวงการคลัง เพื่อจะได้นำเงินมาช่วยเหลือการนำเข้าของไทยนั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ต้องหารือกัน เพราะมีหลายประเด็น แต่ขณะนี้ ธปท.ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย จึงเป็นประเด็นที่ไม่สามารถพูดผ่านสื่อได้อาจเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ

“ปริมาณทุนสำรองระหว่างประเทศมีมากจนเกินไปหรือไม่ในขณะนี้เป็นเรื่องที่ตอบคำเดียวไม่ได้ เพราะต้องอธิบายยาว” ผู้ว่าการ ธปท.กล่าว

สำหรับกรณีที่ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ออกมาระบุว่า ปัจจุบันไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด อยู่ที่ 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และถ้านำมาใช้หนุนหลังการออกธนบัตรในระบบก็ไม่เกิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ และปกติจะมีทุนสำรองฯ รองรับการนำเข้าแค่ 3 เดือนก็เพียงพอ แต่ปัจจุบันมีมากกว่า 6 เดือนแล้ว

ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า มีคำตอบให้สำหรับประเด็นนี้แต่ไม่อยากพูดตอนนี้ เพราะหากพูดอะไรออกไปก็เหมือนกับตอบว่าเยสหรือโนไป แต่ขอให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ก่อนแล้วจะอธิบายให้ทราบ

ก่อนหน้านี้ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า มีแนวคิดให้รวมบัญชีของ ธปท.ทั้ง 3 บัญชี คือ บัญชีทุนสำรองเงินตรา บัญชีสำรองพิเศษ และบัญชีผลประโยชน์ประจำปี เหลือเพียงบัญชีเดียว โดยอ้างว่าได้หารือร่วมกับผู้ว่าการ ธปท.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ ลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวเคยเดินทางไป ธปท.เพื่อมารับฟังข้อเท็จจริง ครั้งนั้น นายอรรคบุษย์ ไกรฤกษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายช่วยงานบริหาร ธปท.ผู้แทนผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า การดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ใช่มีเพียงกระทรวงการคลัง หรือ ธปท.ตัดสินเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของนโยบายรัฐบาลและการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น