“ไทยรุ่งยูเนียนคาร์” มั่นใจปีนี้กลับมาฟื้นรายได้เกิน 2 พันล้านบาท จากการรุกธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ที่ทิศทางกำลังสดใส ในฐานะไทยเป็นฐานผลิตของค่ายรถทั่วโลก และโครงการอีโคคาร์ เผยกำลังมองหาพันธมิตรร่วมทุนผู้ผลิตชิ้นส่วนข้ามชาติ โดยเฉพาะจากญี่ปุ่นเพื่อเจาะเข้าโรงงานค่ายรถแดนปลาดิบ ส่วนธุรกิจประกอบรถดัดแปลง หนีการแข่งรุนแรงหันไปเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม ล่าสุดส่ง “ทีอาร์ เอ็กซ์คลูซีฟ ลิมูซีน” และแนะนำ “ทีอาร์ ออลโรดเดอร์” ใหม่บุกตลาด
นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ดัดแปลงภายใต้แบรนด์ “ทีอาร์” เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 1.4-1.5 พันล้านบาท หรือลดลง 30-40% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในไทย
“แต่จากการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเมื่อปลายปีที่แล้ว และเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการของไทยรุ่งฯ น่าจะปรับเพิ่มไปเท่ากับปี 2551 ก่อนหน้า หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณกว่า 2 พันล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของบริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนไป จากเดิมจะเป็นธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลงอเนกประสงค์ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 60% กลุ่มผลิตแม่พิมพ์และจิ๊กประมาณ 20% และประกอบรถยนต์ดัดแปลงลดเหลือเพียง 20% และปีนี้ยิ่งจะเพิ่มสัดส่วนในกลุ่มผลิตชิ้นส่วนเป็น 65-70% โดยที่ธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลงจะเหลือเพียงประมาณ 15% เท่านั้น
นายสมพงษ์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว เนื่องจากทางบริษัทรถได้มีการผลิตรถดัดแปลงอเนกประสงค์หรือพีพีวี(PPV)ออกมาเอง และทางอีซูซุที่บริษัทฯ ได้นำปิกอัพมาดัดแปลงก็ลดการสนับสนุน ทั้งเรื่องตัวรถและเครือข่ายการขาย ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ จึงเหลือเพียง “ทีอาร์ ออลโรดเดอร์” ที่นำปิกอัพเชฟโรลรต โคโรลาโด มาดัดแปลงทำตลาดเท่านั้น
เหตุนี้บริษัทฯ จึงหันไปเน้นกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วน ที่มีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะภายหลังการย้ายฐานการผลิตมาในไทยของบริษัทรถเกือบทุกยี่ห้อ และโดยเฉพาะปีนี้ที่ทิศทางอุตสาหกรรมรถยนต์กลับเริ่มกลับมาดีขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและส่งออก รวมถึงโครงการอีโคคาร์ที่ได้เริ่มแล้ว ขณะที่บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม ประเทศไทย ก็ได้รับเงินกู้มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท และกลับมาเริ่มโครงการผลิตชิ้นส่วนและรถยนต์โมเดลใหม่อีกครั้ง
“สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ไทยรุ่งฯ ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับจีเอ็ม อีซูซุ และมิตซูบิชิ รวมถึงรถขุดตักโคมัตสุ ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และจะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทน่าจะกลับมาอยู่ที่กว่า 2 พันล้านบาทได้ และเพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วน ปีนี้ไทยรุ่งฯ ได้เตรียมจะลงทุนในการเพิ่มเครื่องจักร และขยายไลน์การผลิตเพิ่มขึ้นที่โรงงานจังหวัดระยอง โดยเบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท” นายสมพงษ์กล่าวและว่า
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ขยายธุรกิจไปร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติผลิตเบาะรถยนต์ ให้กับโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์นำไปติดตั้งในรถยนต์มาสด้า2 และทำจิ๊กให้กับรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า ที่จะแนะนำสู่ตลาดช่วงกลางปีนี้ และยังร่วมทุนกับโตโยต้าบอดี้ในการติดตั้งอุปกรณ์ให้กับรถอเนกประสงค์ของโตโยต้าด้วย
“ขณะนี้บริษัทรถยนต์ทั่วโลกได้ย้ายฐานการผลิตมาไทยแล้ว ประกอบกับค่าเงินที่แข็งและต้นทุนที่สูงมาก ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างชาติจำเป็นต้องย้ายตามมา โดยเฉพาะบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทผลิตชิ้นส่วนข้ามชาติเหล่านี้ จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งของบริษัทในการขยายธุรกิจ เพราะมีโอกาสในการที่จะเข้าไปร่วมในการผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นได้”
นายสมพงษ์กล่าวว่า บริษัทฯ กำลังอยู่ในมองหาช่องทางร่วมทุนกับผู้ผลิตชิ้นส่วนจากญี่ปุ่น โดยสนใจกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนประเภทพลาสติก รวมถึงชิ้นส่วนพวกแอโร่พาร์ท หรืออุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ซึ่งจะทำให้กลุ่มไทยรุ่งฯ ขยายธุรกิจได้ครอบคลุม จากปัจจุบันที่ทำชิ้นส่วนประเภทตัวถัง ช่วงล่าง แม่พิมพ์ และจิ๊ก
“ในส่วนของธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลง เพื่อหนีการแข่งขันที่รุนแรงจึงได้ไปเน้นตลาดรถเฉพาะกลุ่ม อย่างรถใช้ในกิจการทหาร หรือล่าสุดรถทีอาร์ เอ็กซ์คูลซีฟ ลิมูซีน เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ซึ่งเป็นรถลิมูซีนที่ดัดแปลงมาจากปิกอัพเชฟโรเลต โคโรลาโด มีรูปลักษณ์ภายนอกหรูหรา ภายในโอ่โถ่ง กว้างขวาง จากการขยายห้องโดยสารเพิ่มขึ้นถึง 60 ซม. โดยเพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย และให้ลูกค้าสามารถเลือกตกแต่งอุปกรณ์ภายในได้ตามต้องการ มีราคาเริ่มต้นที่ 1.39 ล้านบาท”
พร้อมกันนี้ยังแนะนำอีกรุ่น ทีอาร์ ออลโรดเดอร์ 2.5 แอลที ซึ่งเป็นรถดัดแปลงอเนกประสงค์แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่พัฒนามาจากปิกอัพเชฟโรเลต โคโรลาโด เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เกียร์ธรรมดา โดยมีราคา 7.99 แสนบาท ซึ่งเป็นราคาแนะนำพิเศษในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 ที่ไบเทค บางนา หลังจากจะปรับเพิ่มเป็น 8.2 แสนบาท
นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ดัดแปลงภายใต้แบรนด์ “ทีอาร์” เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 1.4-1.5 พันล้านบาท หรือลดลง 30-40% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในไทย
“แต่จากการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเมื่อปลายปีที่แล้ว และเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการของไทยรุ่งฯ น่าจะปรับเพิ่มไปเท่ากับปี 2551 ก่อนหน้า หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณกว่า 2 พันล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของบริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนไป จากเดิมจะเป็นธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลงอเนกประสงค์ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 60% กลุ่มผลิตแม่พิมพ์และจิ๊กประมาณ 20% และประกอบรถยนต์ดัดแปลงลดเหลือเพียง 20% และปีนี้ยิ่งจะเพิ่มสัดส่วนในกลุ่มผลิตชิ้นส่วนเป็น 65-70% โดยที่ธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลงจะเหลือเพียงประมาณ 15% เท่านั้น
นายสมพงษ์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว เนื่องจากทางบริษัทรถได้มีการผลิตรถดัดแปลงอเนกประสงค์หรือพีพีวี(PPV)ออกมาเอง และทางอีซูซุที่บริษัทฯ ได้นำปิกอัพมาดัดแปลงก็ลดการสนับสนุน ทั้งเรื่องตัวรถและเครือข่ายการขาย ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ จึงเหลือเพียง “ทีอาร์ ออลโรดเดอร์” ที่นำปิกอัพเชฟโรลรต โคโรลาโด มาดัดแปลงทำตลาดเท่านั้น
เหตุนี้บริษัทฯ จึงหันไปเน้นกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วน ที่มีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะภายหลังการย้ายฐานการผลิตมาในไทยของบริษัทรถเกือบทุกยี่ห้อ และโดยเฉพาะปีนี้ที่ทิศทางอุตสาหกรรมรถยนต์กลับเริ่มกลับมาดีขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและส่งออก รวมถึงโครงการอีโคคาร์ที่ได้เริ่มแล้ว ขณะที่บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม ประเทศไทย ก็ได้รับเงินกู้มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท และกลับมาเริ่มโครงการผลิตชิ้นส่วนและรถยนต์โมเดลใหม่อีกครั้ง
“สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ไทยรุ่งฯ ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับจีเอ็ม อีซูซุ และมิตซูบิชิ รวมถึงรถขุดตักโคมัตสุ ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และจะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทน่าจะกลับมาอยู่ที่กว่า 2 พันล้านบาทได้ และเพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วน ปีนี้ไทยรุ่งฯ ได้เตรียมจะลงทุนในการเพิ่มเครื่องจักร และขยายไลน์การผลิตเพิ่มขึ้นที่โรงงานจังหวัดระยอง โดยเบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท” นายสมพงษ์กล่าวและว่า
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ขยายธุรกิจไปร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติผลิตเบาะรถยนต์ ให้กับโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์นำไปติดตั้งในรถยนต์มาสด้า2 และทำจิ๊กให้กับรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า ที่จะแนะนำสู่ตลาดช่วงกลางปีนี้ และยังร่วมทุนกับโตโยต้าบอดี้ในการติดตั้งอุปกรณ์ให้กับรถอเนกประสงค์ของโตโยต้าด้วย
“ขณะนี้บริษัทรถยนต์ทั่วโลกได้ย้ายฐานการผลิตมาไทยแล้ว ประกอบกับค่าเงินที่แข็งและต้นทุนที่สูงมาก ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างชาติจำเป็นต้องย้ายตามมา โดยเฉพาะบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทผลิตชิ้นส่วนข้ามชาติเหล่านี้ จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งของบริษัทในการขยายธุรกิจ เพราะมีโอกาสในการที่จะเข้าไปร่วมในการผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นได้”
นายสมพงษ์กล่าวว่า บริษัทฯ กำลังอยู่ในมองหาช่องทางร่วมทุนกับผู้ผลิตชิ้นส่วนจากญี่ปุ่น โดยสนใจกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนประเภทพลาสติก รวมถึงชิ้นส่วนพวกแอโร่พาร์ท หรืออุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ซึ่งจะทำให้กลุ่มไทยรุ่งฯ ขยายธุรกิจได้ครอบคลุม จากปัจจุบันที่ทำชิ้นส่วนประเภทตัวถัง ช่วงล่าง แม่พิมพ์ และจิ๊ก
“ในส่วนของธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลง เพื่อหนีการแข่งขันที่รุนแรงจึงได้ไปเน้นตลาดรถเฉพาะกลุ่ม อย่างรถใช้ในกิจการทหาร หรือล่าสุดรถทีอาร์ เอ็กซ์คูลซีฟ ลิมูซีน เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ซึ่งเป็นรถลิมูซีนที่ดัดแปลงมาจากปิกอัพเชฟโรเลต โคโรลาโด มีรูปลักษณ์ภายนอกหรูหรา ภายในโอ่โถ่ง กว้างขวาง จากการขยายห้องโดยสารเพิ่มขึ้นถึง 60 ซม. โดยเพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย และให้ลูกค้าสามารถเลือกตกแต่งอุปกรณ์ภายในได้ตามต้องการ มีราคาเริ่มต้นที่ 1.39 ล้านบาท”
พร้อมกันนี้ยังแนะนำอีกรุ่น ทีอาร์ ออลโรดเดอร์ 2.5 แอลที ซึ่งเป็นรถดัดแปลงอเนกประสงค์แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่พัฒนามาจากปิกอัพเชฟโรเลต โคโรลาโด เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เกียร์ธรรมดา โดยมีราคา 7.99 แสนบาท ซึ่งเป็นราคาแนะนำพิเศษในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 ที่ไบเทค บางนา หลังจากจะปรับเพิ่มเป็น 8.2 แสนบาท