นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ดัดแปลงภายใต้แบรนด์ “ทีอาร์” เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 1.4-1.5 พันล้านบาท หรือลดลง 30-40% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และความไม่แน่นอนทางการเมืองในไทย
“แต่จากการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเมื่อปลายปีที่แล้ว และเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการของไทยรุ่งฯ น่าจะปรับเพิ่มไปเท่ากับปี 2551 ก่อนหน้า หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณกว่า 2 พันล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของบริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนไป จากเดิมจะเป็นธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลงอเนกประสงค์ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 60% กลุ่มผลิตแม่พิมพ์และจิ๊กประมาณ 20% และประกอบรถยนต์ดัดแปลงลดเหลือเพียง 20% และปีนี้ยิ่งจะเพิ่มสัดส่วนในกลุ่มผลิตชิ้นส่วนเป็น 65-70% โดยที่ธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลงจะเหลือเพียงประมาณ 15% เท่านั้น
นายสมพงษ์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว เนื่องจากทางบริษัทรถได้มีการผลิตรถดัดแปลงอเนกประสงค์หรือพีพีวี(PPV)ออกมาเอง และทางอีซูซุที่บริษัทฯ ได้นำปิกอัพมาดัดแปลงก็ลดการสนับสนุน ทั้งเรื่องตัวรถและเครือข่ายการขาย ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ จึงเหลือเพียง “ทีอาร์ ออลโรดเดอร์” ที่นำปิกอัพเชฟโรลรต โคโรลาโด มาดัดแปลงทำตลาดเท่านั้น
เหตุนี้บริษัทฯ จึงหันไปเน้นกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วน ที่มีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะภายหลังการย้ายฐานการผลิตมาในไทยของบริษัทรถเกือบทุกยี่ห้อ และโดยเฉพาะปีนี้ที่ทิศทางอุตสาหกรรมรถยนต์กลับเริ่มกลับมาดีขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและส่งออก รวมถึงโครงการอีโคคาร์ที่ได้เริ่มแล้ว ขณะที่บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม ประเทศไทย ก็ได้รับเงินกู้มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท และกลับมาเริ่มโครงการผลิตชิ้นส่วนและรถยนต์โมเดลใหม่อีกครั้ง
“สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ไทยรุ่งฯ ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับจีเอ็ม อีซูซุ และมิตซูบิชิ รวมถึงรถขุดตักโคมัตสุ ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และจะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทน่าจะกลับมาอยู่ที่กว่า 2 พันล้านบาทได้ และเพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วน ปีนี้ไทยรุ่งฯ ได้เตรียมจะลงทุนในการเพิ่มเครื่องจักร และขยายไลน์การผลิตเพิ่มขึ้นที่โรงงานจังหวัดระยอง โดยเบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท” นายสมพงษ์กล่าวและว่า
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ขยายธุรกิจไปร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติผลิตเบาะรถยนต์ ให้กับโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์นำไปติดตั้งในรถยนต์มาสด้า2 และทำจิ๊กให้กับรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า ที่จะแนะนำสู่ตลาดช่วงกลางปีนี้ และยังร่วมทุนกับโตโยต้าบอดี้ในการติดตั้งอุปกรณ์ให้กับรถอเนกประสงค์ของโตโยต้าด้วย
“ขณะนี้บริษัทรถยนต์ทั่วโลกได้ย้ายฐานการผลิตมาไทยแล้ว ประกอบกับค่าเงินที่แข็งและต้นทุนที่สูงมาก ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างชาติจำเป็นต้องย้ายตามมา โดยเฉพาะบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทผลิตชิ้นส่วนข้ามชาติเหล่านี้ จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งของบริษัทในการขยายธุรกิจ เพราะมีโอกาสในการที่จะเข้าไปร่วมในการผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นได้”
นายสมพงษ์กล่าวว่า บริษัทฯ กำลังอยู่ในมองหาช่องทางร่วมทุนกับผู้ผลิตชิ้นส่วนจากญี่ปุ่น โดยสนใจกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนประเภทพลาสติก รวมถึงชิ้นส่วนพวกแอโร่พาร์ท หรืออุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ซึ่งจะทำให้กลุ่มไทยรุ่งฯ ขยายธุรกิจได้ครอบคลุม จากปัจจุบันที่ทำชิ้นส่วนประเภทตัวถัง ช่วงล่าง แม่พิมพ์ และจิ๊ก
“ในส่วนของธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลง เพื่อหนีการแข่งขันที่รุนแรงจึงได้ไปเน้นตลาดรถเฉพาะกลุ่ม อย่างรถใช้ในกิจการทหาร หรือล่าสุดรถทีอาร์ เอ็กซ์คูลซีฟ ลิมูซีน เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ซึ่งเป็นรถลิมูซีนที่ดัดแปลงมาจากปิกอัพเชฟโรเลต โคโรลาโด มีรูปลักษณ์ภายนอกหรูหรา ภายในโอ่โถ่ง กว้างขวาง จากการขยายห้องโดยสารเพิ่มขึ้นถึง 60 ซม. โดยเพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย และให้ลูกค้าสามารถเลือกตกแต่งอุปกรณ์ภายในได้ตามต้องการ มีราคาเริ่มต้นที่ 1.39 ล้านบาท”
พร้อมกันนี้ยังแนะนำอีกรุ่น ทีอาร์ ออลโรดเดอร์ 2.5 แอลที ซึ่งเป็นรถดัดแปลงอเนกประสงค์แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่พัฒนามาจากปิกอัพเชฟโรเลต โคโรลาโด เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เกียร์ธรรมดา โดยมีราคา 7.99 แสนบาท ซึ่งเป็นราคาแนะนำพิเศษในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 ที่ไบเทค บางนา หลังจากจะปรับเพิ่มเป็น 8.2 แสนบาท
“แต่จากการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเมื่อปลายปีที่แล้ว และเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเนื่องในปีนี้ ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการของไทยรุ่งฯ น่าจะปรับเพิ่มไปเท่ากับปี 2551 ก่อนหน้า หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณกว่า 2 พันล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของบริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนไป จากเดิมจะเป็นธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลงอเนกประสงค์ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 60% กลุ่มผลิตแม่พิมพ์และจิ๊กประมาณ 20% และประกอบรถยนต์ดัดแปลงลดเหลือเพียง 20% และปีนี้ยิ่งจะเพิ่มสัดส่วนในกลุ่มผลิตชิ้นส่วนเป็น 65-70% โดยที่ธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลงจะเหลือเพียงประมาณ 15% เท่านั้น
นายสมพงษ์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว เนื่องจากทางบริษัทรถได้มีการผลิตรถดัดแปลงอเนกประสงค์หรือพีพีวี(PPV)ออกมาเอง และทางอีซูซุที่บริษัทฯ ได้นำปิกอัพมาดัดแปลงก็ลดการสนับสนุน ทั้งเรื่องตัวรถและเครือข่ายการขาย ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ จึงเหลือเพียง “ทีอาร์ ออลโรดเดอร์” ที่นำปิกอัพเชฟโรลรต โคโรลาโด มาดัดแปลงทำตลาดเท่านั้น
เหตุนี้บริษัทฯ จึงหันไปเน้นกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วน ที่มีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะภายหลังการย้ายฐานการผลิตมาในไทยของบริษัทรถเกือบทุกยี่ห้อ และโดยเฉพาะปีนี้ที่ทิศทางอุตสาหกรรมรถยนต์กลับเริ่มกลับมาดีขึ้น ทั้งตลาดในประเทศและส่งออก รวมถึงโครงการอีโคคาร์ที่ได้เริ่มแล้ว ขณะที่บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม ประเทศไทย ก็ได้รับเงินกู้มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท และกลับมาเริ่มโครงการผลิตชิ้นส่วนและรถยนต์โมเดลใหม่อีกครั้ง
“สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ไทยรุ่งฯ ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับจีเอ็ม อีซูซุ และมิตซูบิชิ รวมถึงรถขุดตักโคมัตสุ ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และจะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทน่าจะกลับมาอยู่ที่กว่า 2 พันล้านบาทได้ และเพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วน ปีนี้ไทยรุ่งฯ ได้เตรียมจะลงทุนในการเพิ่มเครื่องจักร และขยายไลน์การผลิตเพิ่มขึ้นที่โรงงานจังหวัดระยอง โดยเบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท” นายสมพงษ์กล่าวและว่า
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ขยายธุรกิจไปร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติผลิตเบาะรถยนต์ ให้กับโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์นำไปติดตั้งในรถยนต์มาสด้า2 และทำจิ๊กให้กับรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า ที่จะแนะนำสู่ตลาดช่วงกลางปีนี้ และยังร่วมทุนกับโตโยต้าบอดี้ในการติดตั้งอุปกรณ์ให้กับรถอเนกประสงค์ของโตโยต้าด้วย
“ขณะนี้บริษัทรถยนต์ทั่วโลกได้ย้ายฐานการผลิตมาไทยแล้ว ประกอบกับค่าเงินที่แข็งและต้นทุนที่สูงมาก ทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างชาติจำเป็นต้องย้ายตามมา โดยเฉพาะบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นการเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทผลิตชิ้นส่วนข้ามชาติเหล่านี้ จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งของบริษัทในการขยายธุรกิจ เพราะมีโอกาสในการที่จะเข้าไปร่วมในการผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นได้”
นายสมพงษ์กล่าวว่า บริษัทฯ กำลังอยู่ในมองหาช่องทางร่วมทุนกับผู้ผลิตชิ้นส่วนจากญี่ปุ่น โดยสนใจกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนประเภทพลาสติก รวมถึงชิ้นส่วนพวกแอโร่พาร์ท หรืออุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ ซึ่งจะทำให้กลุ่มไทยรุ่งฯ ขยายธุรกิจได้ครอบคลุม จากปัจจุบันที่ทำชิ้นส่วนประเภทตัวถัง ช่วงล่าง แม่พิมพ์ และจิ๊ก
“ในส่วนของธุรกิจประกอบรถยนต์ดัดแปลง เพื่อหนีการแข่งขันที่รุนแรงจึงได้ไปเน้นตลาดรถเฉพาะกลุ่ม อย่างรถใช้ในกิจการทหาร หรือล่าสุดรถทีอาร์ เอ็กซ์คูลซีฟ ลิมูซีน เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ซึ่งเป็นรถลิมูซีนที่ดัดแปลงมาจากปิกอัพเชฟโรเลต โคโรลาโด มีรูปลักษณ์ภายนอกหรูหรา ภายในโอ่โถ่ง กว้างขวาง จากการขยายห้องโดยสารเพิ่มขึ้นถึง 60 ซม. โดยเพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย และให้ลูกค้าสามารถเลือกตกแต่งอุปกรณ์ภายในได้ตามต้องการ มีราคาเริ่มต้นที่ 1.39 ล้านบาท”
พร้อมกันนี้ยังแนะนำอีกรุ่น ทีอาร์ ออลโรดเดอร์ 2.5 แอลที ซึ่งเป็นรถดัดแปลงอเนกประสงค์แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่พัฒนามาจากปิกอัพเชฟโรเลต โคโรลาโด เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เกียร์ธรรมดา โดยมีราคา 7.99 แสนบาท ซึ่งเป็นราคาแนะนำพิเศษในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2010 ที่ไบเทค บางนา หลังจากจะปรับเพิ่มเป็น 8.2 แสนบาท