xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐีไทยแห่ซื้ออสังหาฯหัวหิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โบรกเกอร์จากเยอร์มนี เผยผลสำรวจอสังหาฯหัวหิน พบผู้ประกอบการบ้าน-คอนโดฯหรู นำสินค้ากลับมารีเซลล์ใหม่ถึง 90% โดยเฉพาะโครงการในสนามกอล์ฟมีถึง 10 โครงการ พร้อมพบว่าคนไทยแห่ซื้อ 63% ที่เหลือเป็นต่างชาติ แนะช่วงนี้ราคาถูกเหตุสินค้ามีมากกว่าความต้องการ เหมาะซื้อเพื่อการลงทุน

นายโอลิเวอร์ ลุทซิ ผู้จัดการสำนักงาน บริษัท แอนเกิล แอนด์ โวลเกอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สาขาหัวหิน บริษัทแฟรนไชส์จากประเทศเยอรมนี ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการเป็นที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย,การลงทุนและธุรกิจเรือยอร์ช มากว่า 30 ปี กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯในหัวหินว่า เป็นสถานที่พักตากอากาศเก่าแก่ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนคือ กลุ่มคนไทยที่อยู่ในกรุงเทพฯและกำลังมองหาบ้านพักตากอากาศที่ติดชายหาด และกลุ่มชาวต่างชาติที่เกษียณอายุ หรือที่แต่งงานกับคนไทยและต้องการบ้านพักอาศัยในหัวหิน

ทั้งนี้ ในอดีตหัวหินมีความต้องการที่บ้านพักตากอากาศเพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนราคาที่ดินก็พุ่งสูงตาม ซึ่ง 4-5 ปีที่ผ่านมาราคาที่ดินถีบตัวสูงถึง 100% โดยเฉพาะที่ดินติดชายหาดที่เริ่มหาได้ยากแล้ว ส่วนใหญ่จะถือครองโดยตระกูลที่มีชื่อเสียงในสังคม อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบราคาคอนโดมิเนียมติดชายหาดเมื่อปี 52 ที่ผ่านมา ราคาประมาณ 7-9 หมื่นบาท/ตารางเมตร ราคาสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 1.1-1.4 แสนบาท/ตารางเมตร และหลังจากที่เกิดปัญหาซับไพรม์ ส่งผลให้ราคาขายคอนโดฯคงที่ ไม่ขยับขึ้นแต่ก็ไม่ปรับลดลง

จากการสำรวจพบว่า ในปัจจุบันคนไทยส่วนมากมีความต้องการซื้อคอนโดมิเนียม ขนาด 2 ห้องนอน ในโครงการประเภทสนามกอล์ฟและโครงการที่สามารถเห็นวิวทะเล มากขึ้นถึง 63% ที่เหลือเป็นความต้องการของชาวต่างชาติ อาทิ เยอรมนี,อังกฤษ,เบลเยี่ยม,เนเธอร์แลนด์,ลักแซมเบอร์ก,ฝรั่งเศส,สหรัฐอเมริกา,แคนาดา และสิงคโปร์ เป็นต้น ส่วนลูกค้ากลุ่มสแกนดิเนเวีย บริษัทยังมีข้อมูลน้อย เนื่องจากเพิ่งเข้ามาทำการสำรวจ ซึ่งในต้นเดือนเมษายนปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯแม่จะขยายไปเปิดสาขาแรกที่ประเทศสวีเดน

“ ที่หัวหินจะมีคอนโดฯระดับพรีเมี่ยมที่อยู่ในสนามกอล์ฟและติดชายหาด ที่ลูกค้ารีเซลกันมากถึง 90% จาก 76 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 814 ล้านบาท ขณะที่บ้านเดี่ยวระดับพรีเมี่ยม ก็มีการรีเซลมากถึง 90% เช่นกัน จากทั้งหมด 56 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 1,101 ล้านบาท โดยเฉพาะบ้านในสนามกอล์ฟมีการรีเซลถึงกว่า 10 โครงการ” นายโอลิเวอร์กล่าวและว่า

ในช่วงปี 52 ชาวต่างชาติที่ซื้อที่อยู่อาศัยในหัวหินส่วนใหญ่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองมากกว่าซื้อเพื่อการลงทุน และกำลังซื้อที่หัวหินจะแตกต่างจากพัทยา,สมุยและภูเก็ต โดยสิ้นเชิง เนื่องจากมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยสูง และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก อีกทั้งที่หัวหินยังมีสนามกอล์ฟมากมายที่สามารถดึงดูดชาวต่างชาติได้ดี และในเร็วๆนี้จะมีสนามกอล์ฟขนาด 18 หลุมในเขตสวนสนประดิษฐ์พัธ อ.ปราณบุรี ของทหารบก จะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนก.ย.นี้ ถือเป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกในประจวบคีรีขันธ์ที่อยู่ติดทะเล

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานักลงทุนและผู้ประกอบการหลายรายจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่ตลาดอสังหาฯในหัวหินกลับมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา สำหรับผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัย จึงมีความคุ้มค่าสำหรับซื้อเพื่อการลงทุน และส่วนใหญ่จะซื้อโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จมากกว่าโครงการที่ขายเพียงใบจองเท่านั้น ในปัจจุบันหัวหินจะมีซับพลายมากกว่าดีมานด์ ดังนั้นผู้ประกอบการแต่ละรายจึงพยายามตรึงราคาขายไว้ให้นานที่สุด เนื่องจากมีการแข่งขันที่สูง
“ก่อนหน้านี้ได้มีรัฐมนตรีจากประเทศคาซัคสถาน มาซื้อที่ดินติดชายทะเลแถบห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 20 ไร่ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท โดยมีแผนพัฒนาเป็นวิลล่า แต่ได้พับแผนการพัฒนาไปแล้ว และกำลังประกาศขายที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว ส่วนสาเหตุนั้นไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน” นายโอลิเวอร์กล่าว

นายโอลิเวอร์ กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะยืนยันว่าจะไม่มีการต่อมาตรการภาษีอสังหาฯ แต่หากเป็นไปได้ตนก็อยากให้รัฐบาลยืดมาตรการดังกล่าวออกไปอีกระยะหนึ่ง รวมไปถึงการยืดอายุการถือครองสิทธิในที่ดินจาก 30 ปี เป็น 90 ปี และเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถกู้ยืมสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ จะส่งผลให้ชาวต่างชาติมีความมั่นใจเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น

สำหรับแนวโน้มการลงทุนอสังหาฯ ในหัวหิน ปี53 นั้น ภายหลังเดือนเมษายนจะมีดีมานด์มากขึ้น นักลงทุนต่างชาติจะกลับมามากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะที่ดินติดชายหาด แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศไทยด้วย หากสามารถคลี่คลายได้จะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนชาวต่างชาติกลับมาอีกรอบหนึ่ง อย่างไรก็ตามในช่วง 2 เดือนแรกของปี 53 บริษัทมียอดขายประมาณ 30 ล้านบาท มีลูกค้าประมาณ 1,700 รายและมีลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ 18 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท

ด้านนายคลอดร์ แวคเนอร์ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท แอนเกิล แอนด์ โวลเกอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีสำนักงานที่ได้รับอนุญาตกว่า 500 แห่ง รวม 34 ประเทศ ใน 4 ทวีป โดยในประเทศไทยได้เริ่มต้นก่อตั้งสาขาเมื่อปี 2550 ที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นแห่งแรก มีนายปีเตอร์ และนางดวงใจ ครอส เป็นผู้ดำเนินกิจการ ซึ่งการดำเนินการในประเทศไทยจะแตกต่างจากสาขาต่างๆทั่วโลก โดยการขยายสาขาจะไม่เป็นการขายแฟรนไชส์ให้ผู้ประกอบการรายอื่น แต่เป็นการขยายสาขาโดยบริษัทฯเอง เพื่อสามารถควบคุมมาตรฐานการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมไปถึงการควบคุมต้นทุนกระบวนการต่างๆในบริษัทได้เป็นอย่างดี และสามารถฝึกอบรมได้ง่ายกว่า ปัจจุบันได้ขยายสาขาเพิ่มที่กรุงเทพและภูเก็ต คาดว่าภายในระยะเวลา 4-5 ปีจะขยายสามารถเพิ่มอีก 8-10 แห่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น