ซิกน่าไม่หวั่นผลกระทบการเมืองเดินหน้ารุกตลาดช่องทางการขาย ทั้งทีวีและออนไลน์ ด้วยแผนประกัน “2in1” คุ้มครองทั้งประกันอุบัติเหตุและ 5 โรคร้ายแรง เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มมีครอบครัว พร้อมจับมือ “วีซ่า” จัดโปรโมชั่นให้ผู้จ่ายเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต ตั้งเป้ายอดขายจาก 2 ช่องทางกว่า 100 ล้านบาทปีแรก
นายแกรี่ เด็นสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ซิกน่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า คือ “2 In 1 คุ้มครองทั้งประกันอุบัติเหตุและ 5 โรคร้ายแรง” ซึ่งประกอบด้วย โรคมะเร็ง โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดในสมอง ไตวาย และภาวะโคม่า รวมอยู่ในแผนประกันเดียว โดยใช้กลยุทธ์ในการขายผ่านช่องทาง 2 ช่องทางได้แก่ การขายตรงผ่านโทรทัศน์ หรือ ไดเร็กต์เรสปอนส์ทีวี (ดีอาร์ทีวี) และช่องทางเว็บไซต์ของซิกน่า
“เมื่อปี 2551 บริษัทได้เปิดขายประกันผ่านช่องทางทีวีมาแล้ว ซึ่งเป็นปีแรกปรากฎว่ามีเบี้ยรับเติบโต 40 ล้านบาท แต่พอปี 2552 บริษัทได้หยุดการขายผ่านช่องทางดังกล่าว เพื่อกลับไปศึกษาและสำรวจกลุ่มเป้าหมายรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการใหม่อีกครั้งว่าเป็นอย่างไร จนกระทั่งในปี 2553 นี้ บริษัทกลับมาขายผ่านช่องทางนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะได้สำรวจพบว่าลูกค้าต้องการทั้งประกันอุบัติเหตุและโรคร้ายแรงมากขึ้น ส่วนช่องทางเว็บไซต์ของบริษัทนั้นได้ลงทุนงบประมาณในการทำตลาดและประชาสัมพันธ์มากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 34 ล้านบาท สำหรับการขายผลิตภัณฑ์ใหม่” นายแกรี่ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความผันผวน และปัญหาการเมืองไทยที่มีความขัดแย้งมากขึ้น ได้เป็นปัจจัยลบทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นและไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ทำให้บริษัทมองเห็นช่องทางที่จะสามารถขยายฐานลูกค้าได้อีก เนื่องจากลูกค้าสามารถซื้อประกันได้ในราคาที่ไม่แพง คือ เฉลี่ยกรมธรรม์ละเพียง 4-6 พันบาทต่อปี และมีความคุ้มครองให้เลือกตั้งแต่ทุนประกัน 2-8 แสนบาท ประกอบกับประชาชนยังต้องการที่ดูแลชีวิตและสุขภาพอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม
โดยลูกค้าที่ซื้อประกันดังกล่าวไม่ต้องตรวจสุขภาพ ส่วนลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มมีครอบครัว อายุ 30-40 ปี ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเติบโตยอดขายจาก 2 ช่องทางดังกล่าวภายใน 12 เดือนนับจากนี้เอาไว้ 100 ล้านบาท และมี 4 หมื่นกรมธรรม์ โดยเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 10 บาทต่อวัน รวมทั้งยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินยามเดินทางทั่วโลกมอบให้แก่ผู้ถือกรมธรรม์แผนดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ หากผู้เอาประกันภัยต้องการความคุ้มครองเสริมเพิ่มเติม ก็สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มในส่วนของค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ และ เงินชดเชยรายได้รายวันในกรณีพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลในฐานะคนไข้ใน ได้อีกเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองครอบคลุมตามที่ต้องการ
นอกจากนี้ บริษัทได้จับมือกับบัตรเครดิตวีซ่าในการมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้แก่ผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยซื้อ แผนประกัน 2 in 1 และชำระค่าเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิตวีซ่า โดยจะได้รับทุนประกันของแผนประกันอุบัติเหตุเพิ่มอีก 15% จากทุนประกันของแผนที่เลือกซื้อ และหากผู้เอาประกันภัยซื้อแผนประกัน 2 in 1 ให้กับตนเองพร้อมคู่สมรสหรือสมาชิกในครอบครัว คือ บิดา มารดา และบุตร คนใดคนหนึ่ง และชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิตทั้ง 2 บุคคล จะได้รับทุนประกันของแผนประกันอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นอีก 30% พร้อมกันทั้ง 2 บุคคลอีกด้วย และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรออนุมัติแบบผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 7 แบบ ที่ยื่นขอกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อรองรับทุกช่องทางในการเพิ่มเบี้ยประกัน
นายแกรี่ เด็นสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ซิกน่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า คือ “2 In 1 คุ้มครองทั้งประกันอุบัติเหตุและ 5 โรคร้ายแรง” ซึ่งประกอบด้วย โรคมะเร็ง โรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดในสมอง ไตวาย และภาวะโคม่า รวมอยู่ในแผนประกันเดียว โดยใช้กลยุทธ์ในการขายผ่านช่องทาง 2 ช่องทางได้แก่ การขายตรงผ่านโทรทัศน์ หรือ ไดเร็กต์เรสปอนส์ทีวี (ดีอาร์ทีวี) และช่องทางเว็บไซต์ของซิกน่า
“เมื่อปี 2551 บริษัทได้เปิดขายประกันผ่านช่องทางทีวีมาแล้ว ซึ่งเป็นปีแรกปรากฎว่ามีเบี้ยรับเติบโต 40 ล้านบาท แต่พอปี 2552 บริษัทได้หยุดการขายผ่านช่องทางดังกล่าว เพื่อกลับไปศึกษาและสำรวจกลุ่มเป้าหมายรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการใหม่อีกครั้งว่าเป็นอย่างไร จนกระทั่งในปี 2553 นี้ บริษัทกลับมาขายผ่านช่องทางนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะได้สำรวจพบว่าลูกค้าต้องการทั้งประกันอุบัติเหตุและโรคร้ายแรงมากขึ้น ส่วนช่องทางเว็บไซต์ของบริษัทนั้นได้ลงทุนงบประมาณในการทำตลาดและประชาสัมพันธ์มากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 34 ล้านบาท สำหรับการขายผลิตภัณฑ์ใหม่” นายแกรี่ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความผันผวน และปัญหาการเมืองไทยที่มีความขัดแย้งมากขึ้น ได้เป็นปัจจัยลบทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นและไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ทำให้บริษัทมองเห็นช่องทางที่จะสามารถขยายฐานลูกค้าได้อีก เนื่องจากลูกค้าสามารถซื้อประกันได้ในราคาที่ไม่แพง คือ เฉลี่ยกรมธรรม์ละเพียง 4-6 พันบาทต่อปี และมีความคุ้มครองให้เลือกตั้งแต่ทุนประกัน 2-8 แสนบาท ประกอบกับประชาชนยังต้องการที่ดูแลชีวิตและสุขภาพอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม
โดยลูกค้าที่ซื้อประกันดังกล่าวไม่ต้องตรวจสุขภาพ ส่วนลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มมีครอบครัว อายุ 30-40 ปี ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเติบโตยอดขายจาก 2 ช่องทางดังกล่าวภายใน 12 เดือนนับจากนี้เอาไว้ 100 ล้านบาท และมี 4 หมื่นกรมธรรม์ โดยเบี้ยประกันเริ่มต้นเพียง 10 บาทต่อวัน รวมทั้งยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินยามเดินทางทั่วโลกมอบให้แก่ผู้ถือกรมธรรม์แผนดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ หากผู้เอาประกันภัยต้องการความคุ้มครองเสริมเพิ่มเติม ก็สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มในส่วนของค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ และ เงินชดเชยรายได้รายวันในกรณีพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลในฐานะคนไข้ใน ได้อีกเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองครอบคลุมตามที่ต้องการ
นอกจากนี้ บริษัทได้จับมือกับบัตรเครดิตวีซ่าในการมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้แก่ผู้เอาประกันภัย ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยซื้อ แผนประกัน 2 in 1 และชำระค่าเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิตวีซ่า โดยจะได้รับทุนประกันของแผนประกันอุบัติเหตุเพิ่มอีก 15% จากทุนประกันของแผนที่เลือกซื้อ และหากผู้เอาประกันภัยซื้อแผนประกัน 2 in 1 ให้กับตนเองพร้อมคู่สมรสหรือสมาชิกในครอบครัว คือ บิดา มารดา และบุตร คนใดคนหนึ่ง และชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิตทั้ง 2 บุคคล จะได้รับทุนประกันของแผนประกันอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นอีก 30% พร้อมกันทั้ง 2 บุคคลอีกด้วย และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการรออนุมัติแบบผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 7 แบบ ที่ยื่นขอกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อรองรับทุกช่องทางในการเพิ่มเบี้ยประกัน