แสนสิริฯ มั่นใจเศรษฐกิจฟื้นดันยอดขายฟุ่ง ประกาศปรับเป้ายอดขายปีนี้เพิ่มจาก 20,000 ล้านบาท เป็น 22,000 ล้านบาท คาดไตรมาสแรกยอดขายไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมปรับแผนเพิ่มการพัฒนาโครงการใหม่จาก 20 โครงการ มูลค่ารวม 27,000 ล้านบาท เป็น 26 โครงการ มูลค่าประมาณ 38,500 ล้านบาท คาดทั้งปีรับรู้รายได้ได้รวม 18,500 ล้านบาท
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของแสนสิริฯในช่วง2เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะยอดขายของคอนโดมิเนียม PYNE by Sansiri ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้สามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 วันนั้น สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า เศรษฐกิจได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจนแล้ว โดยแสนสิริฯมีความเชื่อมั่นในสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจและทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่าจะมีแนวโน้มที่ดีและชัดเจนมากยิ่งขึ้นในช่วงไตรมาสที่2
ทั้งนี้ จากภาวะดังกล่าวทำให้ แสนสิริฯมีการพิจารณาและปรับแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในปี 53 ใหม่อีกครั้ง โดยกลุ่มแสนสิริจะมีการปรับแผนการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจรเพิ่มขึ้นจากเดิม 20 โครงการ มูลค่ารวม 27,000 ล้านบาท เป็น 26 โครงการ มูลค่าประมาณ 38,500 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 20,000 ล้านบาท เป็น 22,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเป้าหมายยอดขายไตรมาสแรกประมาณ 5,000 ล้านบาท และคาดว่าตลอดทั้ง แสนสิริฯ จะสามารถสร้างรายได้รวมทั้งปีได้สูงถึง 18,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริยังมีการปรับเป้าหมายยอดการโอน ซึ่งเป็นพันธกิจสำคัญที่จะต้องส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าตามสัญญา จากมูลค่าเกือบ 16,500 ล้านบาท เป็น 17,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเป้าหมายยอดโอนในไตรมาสแรก ประมาณ 5,200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐบาลตัดสินใจไม่ต่ออายุมาตรการภาษีกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ที่ผ่านมามาตรการดังกล่าว ส่งผลดีต่อธุรกิจฯ และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บริษัทต่าง ๆ มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องด้วย
“ แสนสิริฯเชื่อว่าการที่ภาครัฐยกเลิกมาตรการ มาจากภาพรวมที่เศรษฐกิจฟื้นตัวและอยู่ในระดับที่ดีขึ้น ซึ่งหากสภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจนแล้วก็คงไม่ส่งผลกระทบ ต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องติดตามผลกระทบในไตรมาส 2/2553 ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวชี้วัดได้อย่างชัดเจน” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับแผนการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 53 ของกลุ่มบริษัทแสนสิริ ได้ปรับเป้าจากเดิมที่วางไว้ 20 โครงการ เป็น 26 โครงการคิดเป้นมูลค่ารวม38,500 ล้านบาท สามารถแบ่งออกเป็น โครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 13,100 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 12 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 21,500 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮ้าส์ประมาณ 4 โครงการ มูลค่า3,900 ล้านบาท
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของแสนสิริฯในช่วง2เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะยอดขายของคอนโดมิเนียม PYNE by Sansiri ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้สามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 วันนั้น สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า เศรษฐกิจได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจนแล้ว โดยแสนสิริฯมีความเชื่อมั่นในสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจและทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่าจะมีแนวโน้มที่ดีและชัดเจนมากยิ่งขึ้นในช่วงไตรมาสที่2
ทั้งนี้ จากภาวะดังกล่าวทำให้ แสนสิริฯมีการพิจารณาและปรับแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในปี 53 ใหม่อีกครั้ง โดยกลุ่มแสนสิริจะมีการปรับแผนการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจรเพิ่มขึ้นจากเดิม 20 โครงการ มูลค่ารวม 27,000 ล้านบาท เป็น 26 โครงการ มูลค่าประมาณ 38,500 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 20,000 ล้านบาท เป็น 22,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเป้าหมายยอดขายไตรมาสแรกประมาณ 5,000 ล้านบาท และคาดว่าตลอดทั้ง แสนสิริฯ จะสามารถสร้างรายได้รวมทั้งปีได้สูงถึง 18,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริยังมีการปรับเป้าหมายยอดการโอน ซึ่งเป็นพันธกิจสำคัญที่จะต้องส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าตามสัญญา จากมูลค่าเกือบ 16,500 ล้านบาท เป็น 17,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเป้าหมายยอดโอนในไตรมาสแรก ประมาณ 5,200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐบาลตัดสินใจไม่ต่ออายุมาตรการภาษีกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น ที่ผ่านมามาตรการดังกล่าว ส่งผลดีต่อธุรกิจฯ และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเป็นอย่างดี ส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บริษัทต่าง ๆ มียอดขายเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องด้วย
“ แสนสิริฯเชื่อว่าการที่ภาครัฐยกเลิกมาตรการ มาจากภาพรวมที่เศรษฐกิจฟื้นตัวและอยู่ในระดับที่ดีขึ้น ซึ่งหากสภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจนแล้วก็คงไม่ส่งผลกระทบ ต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องติดตามผลกระทบในไตรมาส 2/2553 ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวชี้วัดได้อย่างชัดเจน” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับแผนการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 53 ของกลุ่มบริษัทแสนสิริ ได้ปรับเป้าจากเดิมที่วางไว้ 20 โครงการ เป็น 26 โครงการคิดเป้นมูลค่ารวม38,500 ล้านบาท สามารถแบ่งออกเป็น โครงการบ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 13,100 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 12 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 21,500 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮ้าส์ประมาณ 4 โครงการ มูลค่า3,900 ล้านบาท