“ภัทรียา” ชี้ ปาระเบิดแบงก์กรุงเทพ ไม่กระทบความเชื่อมั่น แนะจับตาสถานการณ์ หวั่นความรุนแรงซ้ำเติมดัชนีหุ้นไทย ด้านโบรกฯ ระบุ ต่างชาติจ่อเทขายทำกำไร กดดันดัชนีไม่โต หลังสัปดาห์ก่อนช้อนสะสมทั้งหุ้นและอนุพันธ์ไว้สูง พร้อมแนะเพิ่มถือเงินสดในพอร์ตถึง 40% เพื่อรอดูทิศทาง ฝั่งนักวิชาการอัดยับ ไอ้โม่งปาระเบิด แผนบ่อนทำลายเครดิตประเทศ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงเหตุการณ์กลุ่มผู้ไมีหวังดีปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และสาขาของธนาคารธนชาต ว่า ทางตลาดหลักทรัพย์ฯได้ติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากไม่มีเหตุรุนแรงซ้ำอีก คงไม่กระทบภาวะการลงทุนในตลาดหุ้น ที่จะเปิดทำการในวันนี้(2มี.ค.) โดยเชื่อว่าทางการจะควบคุมสถานการณ์ได้
ขณะเดียวกัน มั่นใจว่า ราคาหุ้นแบงก์กรุงเทพวันนี้ จะไม่ปรับลดลงแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุม ที่บริเวณสำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพมาแล้ว
ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรรมการปละผู้จัดการตลท.กล่าวว่า ยังคงเข้มงวด โดยยังมีตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลมาดูแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีมาตรการเฝ้าระวังของทาง ตลท.ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถดูแลได้สถานการณ์ได้
“หลังคำตัดสินพิพากษาที่ตัดสินยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้คดีจบไปขั้นตอนหนึ่ง และผลของคำตัดสินเป็นทางออกที่ดี แต่ต้องติดตามสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นขอให้นักลงทุนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด และตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ” นางภัทรียา กล่าว
**โบรกฯคาดวันนี้เจอแรงเทขายฉุดร่วง
นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก กล่าวถึงแนวโน้ม ตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ (2 – 5 มี.ค.) ว่า แม้หลายฝ่ายจะมองว่า ดันชีฯมีโอกาสปรับตัวขึ้นรับข่าวดีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ส่วนตัวก็เชื่อว่าดัชนีฯก็มีโอกาสปรับตัวลดลงเช่นกัน เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศได้คาดการณ์สถานการณ์การเมืองไทยและผลการตัดสินของศาลไว้ล่วงหน้าแล้วว่า อาจจะมีการยึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรีแค่เพียงบางส่วน จึงทำให้ก่อนหน้านี้มีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ และสถาบันอย่างต่อเนื่องเพื่อกักตุนไว้
ดังนั้นเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามคาดการณ์ ก็จะทำให้ดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นรับข่าวดี แต่ก็จะเจอแรงเทขายทำกำไรจากการจากเก็บสะสมไว้ในสัปดาห์ก่อนของนักลงทุนต่างประเทศ และสถาบัน เพื่อขายทำกำไรออกมากดดันให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงได้เช่นกัน อีกทั้งตลาดหุ้นไทยเองหลังจากนี้ ก็ยังขาดข่าวดีเข้ามาเป็นปัจจัยกระตุ้นตลาด ทำให้ประเมินว่าโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวขึ้นยังมีอยู่แต่ไม่เยอะมาก ขณะที่แรงเทชายทำกำไรก็ยังมีอยู่สูง
ขณะที่ กรณีมีผู้ก่อความไม่หวังดีปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ และสาขาของธนาคารธนชาตนั้น ส่วนมองว่า เหตุการณ์เหล่านี้มีผลทาด้านจิตวิทยาของนักลงทุนพอสมควร เพราะโดยสรุปแล้วปัญหาทางการเมืองยังเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ของตลาดหุ้น ยิ่งมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ย่อมบ่งบอกถึงสัญญาณปัญหาที่ยืดเยื้อยังมีอยู่
ส่วนการลงทุนในตลาดอนุพันธ์ โดยเฉพาะใน Set 50 Futures นักลงทุนต้องระวังแรงเทขายที่จะมีออดกมา เพราะนักลงทุนต่างชาติ ก็มีการถือLong ในสัญญาเหล่านี้ไว้สูงเช่นกัน
“ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ที่จิตวิทยาของนักลงทุนรายย่อย หากมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นจนมีแรงซื้อกลับมา ต่างชาติ หรือสถาบันที่เก็บสะสมไว้ก็จะปล่อยขายออกมาทำกำไร จนฉุดดัชนีลดลงได้ นอกจากนี้เรายังต้องติดตามดูกระแสเงินของจากต่างประเทศด้วยว่า ช่วงนี้จะมีการไหลเข้าในภูมิภาคเอเชียมากน้อยแค่ไหน และไทยจะได้รับอานิสงส์จากตรงจุดนี้เท่าใด อย่างไรก็ตาม เมื่อปัญหาทางการเมืองยังไม่ท่าทีจะยุติลงได้ การเติบโตของตลาดหุ้นในปีนี้ก็มีโอกาสเติบโตได้น้อยสุด เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคเช่นกัน”
ด้านนส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส จำกัด กล่าวถึง แนวโน้วของ ดัชนีหุ้นไทย ในสัปดาห์นี้ (2 -5 มี.ค.) เมื่ออิงกับสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงการพิจารณาถึงปัจจัยในต่างประเทศประกอบ ทั้งราคาน้ำมันและการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญแล้ว กลยุทธ์การลงทุนคือ แนะนำ นักลงทุนที่เล่นรอบ ถือหุ้นต่อรอลุ้นราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนนักลงทุนระยะยาว แนะนำ ถือหุ้น 60% และเงินสดอีก 40% เก็บไว้เพื่อทยอยซื้อหุ้นพื้นฐาน โดยหุ้นเด่นที่แนะนำในเดือน มี.ค. คือ KBANK, PTT, PTTAR, HANA, THAI ประเมินกรอบแนวรับดัชนีฯ ไว้ที่ 720-715 จุด แนวต้าน 725-730 จุด
นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยสัปดาห์มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเคลื่อนไหวทดสอบแนวต้านที่ 730-750 จุดได้ในช่วงระหว่างการซื้อขาย เนื่องจากมองว่านักลงทุนต่างชาติจะยังซื้อสุทธิเข้าอย่างต่อเนื่องอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของดัชนีฯยังขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. ว่าในช่วงที่ตลาดฯปิดทำการ 3 วันจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากเป็นการชุมนุมอย่างสงบและอยู่ในกรอบตามหลักประชาธิปไตย ก็จะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน แนะรอขายเมื่อดัชนีฯแตะแนวต้านที่ 730 จุด แต่ทั้งนี้ต้องดูการเคลื่อนไหวของเม็ดเงินไหลเข้าจากต่างชาติด้วยว่าหากส่งสัญญาณที่ดี ดัชนีฯก็น่าแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบ 750 จุดได้ จึงประเมินแนวรับไว้ที่ 710-715 จุด และประเมินแนวต้านไว้ที่ 730-750 จุด
**นักวิชาการอัดแผนชั่วลดเครดิตชาติ
ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นหลายแห่งกับธนาคารในคืนวันเดียวกัน หลังคดียึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่า มีกลุ่มบุคคลไม่หวังดีกับประเทศ ต้องการทำให้เกิดความไม่สงบ และลดความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ และจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว โดยประชาชนต้องช่วยกันสอดส่องดูแลร่วมกับรัฐบาล เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาโดยเร็ว
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง หากเป็นไปด้วยความสงบไม่น่าจะมีปัญหา แต่เพื่อความไม่ประมาทรัฐบาลต้องดูแลเป็นอย่างใกล้ชิด เพราะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง มักเกิดเหตุวุ่นวาย และนำไปสู่ความไม่สงบ
อย่างไรก็ตาม ด้านนักวิชาการเห็นว่า ทุกฝ่ายต้องยอมรับคำตัดสินของศาล เพราะถือเป็นวิถีทางประชาธิปไตย เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข และเกิดความสมานฉันท์