ASTVผู้จัดการรายวัน -บล. โกลเบล็ก เผยคิดค่าคอมมิชชั่น 0% แก่ลูกค้าเทรดเกิน 20 ล้านบาทต่อวันป้องลูกค้าหนี หลังสมาคม บล.คุมไม่ได้ "ชนะชัย" เผยกระทบรายได้บริษัทไม่มาก เหตุมีลูกรายใหญ่เพียง 4 ราย เชื่อกระแสดึงลูกค้าลดลง จากทุกโบรกเกอร์คิดโปรโมชั่นดังกล่าวรักษาฐานลูกค้า จับตารายได้ไตรมาสแรกปี53 บล. มีฐานลูกค้ารายใหญ่มากอ่วมเชื่อรายได้กำไรหด
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ลูกค้ารายใหญ่ที่มีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 20 ล้านบาทต่อวันได้มีการแจ้งยังบริษัทว่าจะย้ายไปซื้อขายกับบล.ที่มีการคิดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (ค่าคอมมิชชั่น) ที่อัตรา 0% ซึ่งบริษัทได้ยื่นข้อเสนอว่าบล.โกลเบล็กจะคิคค่าคอมมิชชั่นที่อัตรา 0% เช่นกัน แต่การเก็บค่าคอมมิชชั่นดังกล่าวจะไม่กระทบกับรายได้ของบริษัทมากนัก เนื่องจาก บริษัทมีลูกค้าที่ซื้อขายมากกว่า 20 ล้านบาทต่อวัน เพียง 4 รายเท่านั้น หรือคิดเป็น 15% ของมูลค่าการซื้อขายของบริษัท
สำหรับบริษัทเชื่อว่ากระแสการดึงลูกค้ารายใหญ่นั้นจะไม่รุนแรงมากนัก ซึ่งเห็นได้จาก ส่วนแบ่งการตลาดของบล.นครหลวงไทยในช่วงเปิดทำการซื้อขายหุ้นในต้นสัปดาห์แรกนั้นมาร์เกตแชร์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงท้ายสัปดาห์แรกนั้นมาร์เกตแชร์ได้ปรับดลลง เพราะทุกโบรกเกอร์จะคิดที่อัตราที่ 0% เพื่อดึงฐานลูกค้าของตนไว้ โดย บล.ที่มีฐานลูกค้ารายใหญ่ที่มีการซื้อขายต่อวันมากกว่า 20 ล้านบาทต่อวันจำนวนมาก นั้นจะได้รับผลกระทบจากที่รายได้มีการปรับตัวลดลง ซึ่งจะเห็นได้จากผลประกอบการไตรมาส1/53 ที่จะออกมา
" กระแสการแข่งขันราคาค่าคอมมิชชั่นที่อัตรา 0% นั้นกระแสได้มีการลดลง ซึ่งเห็นได้จากส่วนแบ่งมาร์เกตแชร์ของบล.นครหลวงไทยที่มีประกาศคิดค่าคอมมิชชั่นที่0% ของลูกค้าที่มีการซื้อขายมากกว่า 20 ล้านบาทต่อวันในช่วงแรกของเปิดการซื้อขายมาร์เกตแชร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมีการปรับตัวลดลง จากการที่ทุ กบล.ใช้ที่ 0% เหมือนกันเพื่อดึงลูกค้าของบริษัทไว้ ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทมี 4 ราย ขณะนี้คิดค่าคอมมิชชั่นที่ 0% 2 รายแล้ว " นายชนะชัย กล่าว
ทั้งนี้ จากการที่สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ นั้นมีการควบคุมดูแลบริษัทสมาชิกในเรื่องการคิดค่าคอมมิชชั่นในส่วนที่มากกว่า 20 ล้านบาทต่อวันนั้น ไม่มีการตัดราคานั้นทำได้ลำบาก โดยขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละบริษัทว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร เพราะ บางบริษัทก็จะมีการให้บริการอื่นๆ เช่น บทวิเคราะห์ การให้คำแนะนำ ก็จะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นที่สูงนิดหน่อย ซึ่งจะมีนักลงทุนบางส่วนที่พร้อมจ่ายแพงกว่าเพื่อที่จะได้รับบริการอื่นๆ
นายชนะชัยกล่าวว่าปีนี้บริษัทจะรุกการทำธุรกิจด้านอนุพันธ์ เพื่อที่จะมาชดเชยรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหุ้นที่จะลดลง ซึ่งบริษัทจะจัดกิจกรรมทางการตลาดในการเพิ่มจำนวนนักลงทุนให้มาเทรดฟิวเจอร์สมากขึ้น โดยบริษัทตั้งว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาเปิดบัญชีหุ้นและบัญชีอนุพันธ์ อีก 500-800 บัญชีในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีมาร์เกตแชร์อนุพันธ์อยู่อันดับ 1 ที่ 12% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งมีมาร์เกตแชร์เพียง 5.24% และเพิ่มสัดส่วนรายได้ในด้านการลงทุน และการเป็นที่ปรึกาทางการเงินให้มากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะรักษามาร์เกตแชร์การเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้นอยู่ที่ 3.75% จากปี 2552 ซึ่งอยู่ที่ 2.54% เนื่องจาก บริษัทได้มีการรับเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)ใหม่อีก 4-5 คน ซึ่งมีลูกค้าเพิ่มเข้ามาอีก 100 บัญชี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการโอนย้ายบัญชีการซื้อขายหุ้นของลูกค้า
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ บล. ที่มีการประกาศตัวชัดเจนที่จะคิดค่าคอมมิชชั่นที่อัตรา 0 % ในส่วนมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่มากกว่า 20 ล้านบาทต่อวันมี 2 แห่ง คือ บล.นครหลวงไทย บล.คันทรี่ กรุ๊ป และบล.โกลเบล็กเป็นรายที่ 3
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ลูกค้ารายใหญ่ที่มีมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 20 ล้านบาทต่อวันได้มีการแจ้งยังบริษัทว่าจะย้ายไปซื้อขายกับบล.ที่มีการคิดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (ค่าคอมมิชชั่น) ที่อัตรา 0% ซึ่งบริษัทได้ยื่นข้อเสนอว่าบล.โกลเบล็กจะคิคค่าคอมมิชชั่นที่อัตรา 0% เช่นกัน แต่การเก็บค่าคอมมิชชั่นดังกล่าวจะไม่กระทบกับรายได้ของบริษัทมากนัก เนื่องจาก บริษัทมีลูกค้าที่ซื้อขายมากกว่า 20 ล้านบาทต่อวัน เพียง 4 รายเท่านั้น หรือคิดเป็น 15% ของมูลค่าการซื้อขายของบริษัท
สำหรับบริษัทเชื่อว่ากระแสการดึงลูกค้ารายใหญ่นั้นจะไม่รุนแรงมากนัก ซึ่งเห็นได้จาก ส่วนแบ่งการตลาดของบล.นครหลวงไทยในช่วงเปิดทำการซื้อขายหุ้นในต้นสัปดาห์แรกนั้นมาร์เกตแชร์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงท้ายสัปดาห์แรกนั้นมาร์เกตแชร์ได้ปรับดลลง เพราะทุกโบรกเกอร์จะคิดที่อัตราที่ 0% เพื่อดึงฐานลูกค้าของตนไว้ โดย บล.ที่มีฐานลูกค้ารายใหญ่ที่มีการซื้อขายต่อวันมากกว่า 20 ล้านบาทต่อวันจำนวนมาก นั้นจะได้รับผลกระทบจากที่รายได้มีการปรับตัวลดลง ซึ่งจะเห็นได้จากผลประกอบการไตรมาส1/53 ที่จะออกมา
" กระแสการแข่งขันราคาค่าคอมมิชชั่นที่อัตรา 0% นั้นกระแสได้มีการลดลง ซึ่งเห็นได้จากส่วนแบ่งมาร์เกตแชร์ของบล.นครหลวงไทยที่มีประกาศคิดค่าคอมมิชชั่นที่0% ของลูกค้าที่มีการซื้อขายมากกว่า 20 ล้านบาทต่อวันในช่วงแรกของเปิดการซื้อขายมาร์เกตแชร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมีการปรับตัวลดลง จากการที่ทุ กบล.ใช้ที่ 0% เหมือนกันเพื่อดึงลูกค้าของบริษัทไว้ ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทมี 4 ราย ขณะนี้คิดค่าคอมมิชชั่นที่ 0% 2 รายแล้ว " นายชนะชัย กล่าว
ทั้งนี้ จากการที่สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ นั้นมีการควบคุมดูแลบริษัทสมาชิกในเรื่องการคิดค่าคอมมิชชั่นในส่วนที่มากกว่า 20 ล้านบาทต่อวันนั้น ไม่มีการตัดราคานั้นทำได้ลำบาก โดยขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละบริษัทว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร เพราะ บางบริษัทก็จะมีการให้บริการอื่นๆ เช่น บทวิเคราะห์ การให้คำแนะนำ ก็จะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นที่สูงนิดหน่อย ซึ่งจะมีนักลงทุนบางส่วนที่พร้อมจ่ายแพงกว่าเพื่อที่จะได้รับบริการอื่นๆ
นายชนะชัยกล่าวว่าปีนี้บริษัทจะรุกการทำธุรกิจด้านอนุพันธ์ เพื่อที่จะมาชดเชยรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหุ้นที่จะลดลง ซึ่งบริษัทจะจัดกิจกรรมทางการตลาดในการเพิ่มจำนวนนักลงทุนให้มาเทรดฟิวเจอร์สมากขึ้น โดยบริษัทตั้งว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาเปิดบัญชีหุ้นและบัญชีอนุพันธ์ อีก 500-800 บัญชีในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีมาร์เกตแชร์อนุพันธ์อยู่อันดับ 1 ที่ 12% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งมีมาร์เกตแชร์เพียง 5.24% และเพิ่มสัดส่วนรายได้ในด้านการลงทุน และการเป็นที่ปรึกาทางการเงินให้มากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะรักษามาร์เกตแชร์การเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้นอยู่ที่ 3.75% จากปี 2552 ซึ่งอยู่ที่ 2.54% เนื่องจาก บริษัทได้มีการรับเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)ใหม่อีก 4-5 คน ซึ่งมีลูกค้าเพิ่มเข้ามาอีก 100 บัญชี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการโอนย้ายบัญชีการซื้อขายหุ้นของลูกค้า
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ บล. ที่มีการประกาศตัวชัดเจนที่จะคิดค่าคอมมิชชั่นที่อัตรา 0 % ในส่วนมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่มากกว่า 20 ล้านบาทต่อวันมี 2 แห่ง คือ บล.นครหลวงไทย บล.คันทรี่ กรุ๊ป และบล.โกลเบล็กเป็นรายที่ 3