xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนพอใจคำตัดสินยึดทรัพย์แม้ว จับตาหางแดงเบี่ยงเป้าสางแค้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภาคเอกชนพอใจคำตัดสินยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ชี้ ทุกฝ่ายต้องเคารพกติกาบ้านเมือง เพราะศาลได้อธิบายเหตุผลอย่างชัดเจนแล้ว ห่วงแก๊งหางแดงเบี่ยงเป้า พาลหาเหตุโจมตีรัฐบาล-ยั่วยุทหาปฎิวัติ ขณะที่ตลาดหุ้นเฝ้าประเมินผลกระทบช่วงหยุด 3 วันอย่างใกล้ชิด เชื่อคดีประวัติศาสตร์ จะต้องมีผลตามมาอย่างแน่นอน เพราะมีผู้ที่สมหวัง ผิดหวัง และตรงกลาง จุดชนวนความขัดแย้งรอบใหม่

นายเกียรติพงษ์ น้อยใจบุญ นายกสมาคมนิยมไทย กล่าวถึงคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัว โดยระบุว่า คดีดังกล่าวถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่จะเป็นบรรทัดฐานกระบวนความยุติธรรมของชาติที่จะต้องยอมรับ แม้ว่าจะไม่ยึดหมดก็ตาม หากไม่ยอมรับประเทศชาติจะอยู่ไม่ได้เนื่องจากศาลฎีกาไม่ได้เกิดขึ้นจากการปฏิวัติแต่เป็นไปภายใต้รัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ หากกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ยอมรับคำตัดสินแล้วหาเหตุมาประท้วงสังคมก็คงไม่ยอมรับแน่แต่หากจะประท้วงด้วยเหตุผลอื่นๆ เช่นไม่พอใจการบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบันก็ย่อมมีสิทธิดำเนินการได้แต่การชุมนุมก็จะต้องอยู่ภายใต้กติกาที่จะไม่นำไปสู่ความรุนแรงเพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีผลกระทบต่อประเทศชาติซึ่งการชุมนุมที่บ่อยครั้งขึ้นจะมีผลต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า คำตัดสินวานนี้ มีเหตุผลและชัดเจน แต่มองว่า สถานการณ์ทางการเมืองน่าจะยังไม่จบ เนื่องจากฝ่ายอดีตนายกฯ จะอ้างความชอบธรรมจากการพิจารณาของศาลในการออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความชอบธรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองว่า ไม่มีน้ำหนักในการที่จะสร้างเงื่อนไขหรือสถานการณ์ที่จะระดมประชาชนมาเคลื่อนไหวทางการเมืองมากพอ แต่อาจหาเหตุในประเด็นอื่น

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า คนไทยควรเชื่อถือในกระบวนการตัดสินของศาลฯ ซึ่งจะเป็นหลักสำคัญของประเทศชาติที่จะเดินหน้าต่อไปได้ และหลังจากนี้ต้องดูที่ความรุนแรงว่าจะมากแค่ไหนซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างชาติก็เฝ้ามองอยู่

"หลังศาลพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ภาคเอกชนไม่มีปัญหาใดๆ กับการตัดสินของศาล สำหรับการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นเชื่อว่าจะไม่มีความรุนแรง เพราะทุกฝ่ายได้ประกาศว่า จะดำเนินการตามแนวทางสันติวิธี และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และหากสถานการณ์ดำเนินไปโดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ก็จะไม่ส่งผลกระทบหรือเป็นปัญหาให้ภาคธุรกิจต้องสะดุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ก็คงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ซึ่งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมเพรียงการดูแลความปลอดภัยสถานประกอบการ และดูแลพนักงานเท่านั้น"

ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างประเทศ ที่ได้มีการติดต่อกันเป็นระยะ ๆ ส่วนใหญ่มีความเป็นห่วงเรื่องความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยเพื่อประชุมทางธุรกิจเท่านั้น ไม่ได้มีความวิตกอะไรเป็นพิเศษ ส่วนความมั่นใจที่จะลงทุนในประเทศไทยนั้น หากพิจารณาแล้ว สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเพียงระยะสั้น ในขณะที่แผนการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศเป็นแผนระยะยาวที่ได้เตรียมการเอาไว้นานแล้วในการเข้ามาลงทุนระยะยาวในไทย

ส่วนสิ่งที่กระทบความเชื่อมั่นคือ กรณีมาบตาพุดที่ขณะนี้ได้คลี่คลายลงบางส่วนแล้ว ซึ่งนักลงทุนต้องการเพียงหลักที่ชัดเจนแน่นอน เพราะพร้อมที่จะให้ปฎิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2

นายพยุงศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันผลพวงจากการที่เศรษฐกิจโลกดีขึ้น การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจของไทยที่ฟื้นตัวสอดคล้องกับเศรษฐกิจโลก ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดดี จึงเชื่อมั่นว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้จะสูงกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม การบริโภคจะทรงตัวหลังจากช่วง 2-3 เดือนแรกปีนี้ผ่านไป เนื่องจากประชาชนใช้จ่ายเงินอย่างต่อเนื่องในช่วงเทศกาลต่างๆ ในระหว่างนั้น สำหรับผู้ประกอบการส่งออกสินค้าต้องระวังการอิ่มตัวของสินค้าคงคลัง เพราะผู้ซื้อเมื่อเห็นว่า ราคาสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นก็จะซื้อมากจนสินค้าคงความอิ่มตัว อาจหยุดซื้อ ซึ่งหากมองภาพรวมแล้ว ธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ยังคงดำเนินธุรกิจไปได้ด้วยดี ในขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบ

ด้านนายสุรพร สิมะกุลธร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอกนิกส์ ส.อ.ท. กล่าวว่า คำสั่งศาลถือเป็นข้อยุติ ซึ่งทรัพย์สินที่ยึดได้ถือเป็นเรื่องดีเพราะจะได้นำมาพัฒนาประเทศ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงถ้ารัฐบาลควบคุมได้ก็จะไม่เกิดปัญหา

แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ ถ้ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมการชุมนุมได้ ทหารออกมายึดอำนาจเพราะเห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้แล้ว เป็นสถานการณ์บังคับที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นคนไทยควรจะพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะประเทศชาติบอบช้ำมามากพอแล้ว

ด้านสมาคมโรงแรมไทย ยอมรับว่า สถานการณ์ในขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในภาวะปกติ แต่ต้องจับตาหลังมีคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ของอดีตนายกรัฐมนตรีออกมาแล้วจากวันนี้อีก 1-2 วันจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ หากไม่มีเหตุความรุนแรงคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากขณะนี้แม้อยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) แต่อัตราการเข้าพักของนักท่องเที่ยวอยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่แล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ส่วนปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวมากนัก

ส่วนกรณี 27 ประเทศออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวของตนเองงดเว้นการเดินทางมาประเทศไทยช่วงที่มีการตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จากการวิเคราะห์ประเทศที่ออกประกาศส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประเทศหลักๆ แต่เชื่อว่าในส่วนของนักท่องเที่ยวเองมีวิจารญาณและตัดสินใจเองได้ว่าควรจะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยหรือไม่ จึงต้องประเมินสถานการณ์ตามกลุ่มตลาด อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากผ่านพ้นวันตัดสินภายใน 1-2 วันถ้าไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นก็ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร

ขณะที่ภาคเอกชนจากหอการค้าไทย ห่วงว่า การยึดทรัพย์ของอดีตนายกรัฐมนตรี จะมีผลตามมาอย่างแน่นอนต่อความรู้สึกของผู้ที่สมหวังและผู้ที่ผิดหวัง รวมทั้งจะมีผลกระทบเกิดขึ้นกับคนทั้ง 3 ส่วน คือ คนที่สมหวัง คนที่ผิดหวัง และคนที่อยู่ตรงกลาง เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น

นอกจากผลกระทบต่อผู้คนที่คาดหวังต่อผลการตัดสินที่แตกต่างกัน ประเด็นดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ นักลงทุนและนักท่องเที่ยวหากมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ที่เห็นชัดเจนขณะนี้น่าจะเป็นผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว เพราะ 27 ประเทศ ได้ประกาศแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวของตนเองให้หลีกเลี่ยงหรืองดเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยในช่วงนี้แล้ว

นายไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหารกรุ๊ปบริษัท บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดและบริษัทในเครือ กล่าวว่า คุณทักษิณ ชินวัตร เค้าก็ผิดทุกข้อกล่าวหา การยึดทรัพย์ครั้งนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ขออย่างเดียว ขอให้เรื่องจบ ขณะนี้หลายฝ่าย อ่อนแรง เบื่อหน่าย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยกันเอง ก็มีเรื่องแตกแยก รวมไปถึงรัฐบาล นักธุรกิจเองก็เบื่อหน่าย

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เมื่อวานนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ดัชนีราคาหุ้นยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ และไม่ผันผวนอย่างที่วิตกกังวลจนไม่ถึงขั้นต้องใช้มาตรการพักการซื้อขายชั่วคราว (เซอร์กิต เบรกเกอร์) อย่างไรก็ตาม จะมีการประเมินในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง 3 วันนี้ว่า เหตุการณ์สืบเนื่องจากคำตัดสินคดียึดทรัพย์จะมีผลต่อภาวะตลาดหุ้นที่จะเปิดการซื้อขายในวันอังคารที่ 2 มีนาคม 2553 หรือไม่อย่างไร

สำหรับความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย วานนี้ (26 กุมภาพันธ์ 2553) ดัชนีปิดที่ระดับ 721.37 จุด เพิ่มขึ้น 4.27 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.60% มูลค่าการซื้อขาย 19,704.70 ล้านบาท โดยยังคงบวกได้จากแรงซื้อที่เข้ามา ขณะที่ศาลฎีกาฯ ยังอ่านคำพิพากษาไม่จบ ทั้งนี้ เมื่อแยกประเภทนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 1,170.69 ล้านบาท เช่นเดียวกับ สถาบัน ซื้อสุทธิ 459.79 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น