ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติประกาศพร้อมใช้แผนฉุกเฉินรับมือ เหตุการณ์แบงก์หรือระบบการเงินเกิดปัญหาสภาพคล่องวันที่ 26 ก.พ.นี้ ส่วนผู้จัดการกองทุน โบรกเกอร์มั่นใจรัฐบาลควบคุมสถานการณ์ได้ หลังเข้าฟัง "สุเทพ" โม้
นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า หากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในช่วงที่มีการตัดสินคดียึดทรัพย์จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ธปท.จะดึงแผนฉุกเฉินออกมาใช้ทันที ดังนั้นหากธนาคารพาณิชย์หรือระบบการเงินมีปัญหาด้านสภาพคล่องหรือความผันผวนต่างๆ เชื่อว่าไม่มีปัญหา
"แม้ปกติแบงก์พาณิชย์มีการถือหลักทรัพย์ไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าถึงเวลาเขาต้องการกู้ยืมเราจริงๆ ก็สามารถปล่อยสภาพคล่องที่ปัจจุบันมีล้นระบบออกมาได้”ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวแลัว่า การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในขณะนี้ส่วนใหญ่เกิดจากกระแสข่าวจากภายนอกประเทศเป็นสำคัญ และค่าเงินในภูมิภาค รวมถึงไทยก็ไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินยูโร แต่ขณะนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างรอดูสถานการณ์ในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะสูงของประเทศกรีซ ทำให้เงินบาทในช่วงนี้ค่อนข้างนิ่ง
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ได้ขอความร่วมมือไปยังทุก บลจ.ทุกแห่ง ให้มีการรายงานสภาพคล่องแต่ละกองทุนที่ทำการเปิดขายทุกวัน ว่าเเต่ละกองมีสภาพคล่องที่เพียงพอจจะรองรับหากเกิดการไถ่ถอนผิดปกติหรือไม่ พร้อมกับมีการรายงานว่ามีการไถ่ถอนกองทุนมากน้อยหรือไม่ เป็นต้น ก.ล.ต.ได้ให้ทุก บลจ.รายงานข้อมูลดังกล่าวตั้งเเต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการที่ดีเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"เชื่อว่าจะไม่ร้ายเเรงเหมือนกับช่วงสงกรานต์ในปีที่ผ่านมา รัฐบาลน่าจะจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้" นายธีรพันธุ์กล่าว
น.ส.โสภาวดี เสิศมนัสชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนก่อนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ คงต้องจับตาการเมืองเป็นพิเศษว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ขณะเดียวกัน ก็ต้องเตรียมแผนรับมือให้เหมาะกับแต่ละสถานการณ์ด้วย ส่วนการลงทุนของ กบข.เอง เน้นการลงทุนระยะยาวเป็นหลัก แต่หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ก็ต้องมีมาตรการระยะสั้นออกมารองรับ ซึ่งเราเองได้วิเคราะห์สถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในหลายรูปแบบ พร้อมๆ กับการเตรียมแผนรับมือให้สอดคล้องในแต่ละสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้ปรับอะไรมากนัก ยังคงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 9% ในขณะที่เงินสดเองมีสัดส่วนการถือไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะลงทุนในตราสารทางการเงินระยะสั้นมากกว่า
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยภายหลังเข้ารับฟังข้อมูลจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง โดยมี บล.ภัทรเป็นตัวกลางเข้าพบว่า รัฐบาลได้ให้ข้อมูลถึงมาตรการและการเตรียมการป้องกันแก้ไข พร้อมทั้งการตั้งรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงก่อนและหลังวันที่ 26 ก.พ. โดยรัฐบาลมีแผนรองรับรวมทั้งมีข้อมูลเชิงลึกเพียงพอ หลังจากฟังข้อมูล มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า รัฐบาลจะสามารถควบคุมดูแลเหตุการณ์ในช่วงดังกล่าวได้ และเชื่อมั่นว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเหมือนในอดีต
"ยอมรับว่า ก่อนที่จะเข้ามาคุยกับรัฐบาล ค่อนข้างมีความกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการเข้าพบในครั้งนี้ ได้เตรียมคำถามที่จะมาถามรัฐบาลประมาณ 20 ข้อ กลุ่มนักลงทุนสถาบันเองก็มีความมั่นใจมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลเองได้รับรองว่าจะไม่มีการปฎิวัติตามที่เป็นกระแสข่าว เพราะความสัมพันธ์กับกองทัพยังคงแนบแน่น จากนี้ไปคงไม่จำเป็นที่กลุ่มบลจ.จะมาประเมินสถานการณ์อีกครั้ง" นายกสมาคม บลจ.กล่าว
ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะเดินทางไปชุมนุมที่ธนาคารกรุงเทพ (BBL) สำนักงานใหญ่ สีลม นางวรวรรณกล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น เพราะธนาคารกรุงเทพไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด มองว่าทุกคนเป็นลูกค้าของธนาคารทั้งหมด ในส่วนของบลจ.บัวหลวงเอง จากความกังวลต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลให้มีนักลงทุนไถ่ถอนหน่วยลงทุน หรือมีการชะลอการลงทุน ขอให้ลูกค้าและภาคธุรกิจมีความมั่นใจ โดยในส่วนของบริษัทฯจะมีการสื่อสารให้ต่างชาติมีความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย โดยจะมีการชี้แจงและให้ข้อมูลผ่านสื่อ ซึ่งสามารถถ่ายทอดได้อย่างรวดเร็ว
แหล่งข่าว บล.ภัทร (PHATRA) กล่าวว่า จากการที่บริษัทได้มีการพานักลงทุนสถาบันในประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จำนวน 30 แห่ง เข้ารับฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและมาตรการที่รัฐบาลเตรียมความพร้อมจากที่จะมีการพิจารณาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ จากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
นายสุเทพชี้แจงว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ได้ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง และจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง รวมถึงจะไม่เกิดการปฏิวัติเกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่นักลงทุนได้มีการรับฟังคำชี้แจงมีกความสบายใจมากขึ้น จากที่รัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จากที่มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือและมีการคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ
สำหรับนักลงทุนสถาบันจากนี้จะมีการตัดสินใจอย่างไรในการลงทุนจากนี้ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์นั้น ไม่สามารถที่จะตอบได้เพราะ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และการพิจารณาของแต่ละ บลจ. ที่มีความคิดที่แตกต่างกันในการลงทุน ซึ่งบาง บลจ.นั้นอาจจะมองว่าเป็นจังหวะในการเข้าลงทุน แต่บางรายอาจจะมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน หรืออาจจะมีการขายหุ้นออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยงหากบลจ.แห่งนั้นมีความกังวลและไม่มั่นใจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของแต่ละแห่งในการพิจารณาในการลงทุน.
นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า หากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในช่วงที่มีการตัดสินคดียึดทรัพย์จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 26 ก.พ.นี้ ธปท.จะดึงแผนฉุกเฉินออกมาใช้ทันที ดังนั้นหากธนาคารพาณิชย์หรือระบบการเงินมีปัญหาด้านสภาพคล่องหรือความผันผวนต่างๆ เชื่อว่าไม่มีปัญหา
"แม้ปกติแบงก์พาณิชย์มีการถือหลักทรัพย์ไว้อยู่แล้ว แต่ถ้าถึงเวลาเขาต้องการกู้ยืมเราจริงๆ ก็สามารถปล่อยสภาพคล่องที่ปัจจุบันมีล้นระบบออกมาได้”ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวแลัว่า การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในขณะนี้ส่วนใหญ่เกิดจากกระแสข่าวจากภายนอกประเทศเป็นสำคัญ และค่าเงินในภูมิภาค รวมถึงไทยก็ไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินยูโร แต่ขณะนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างรอดูสถานการณ์ในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะสูงของประเทศกรีซ ทำให้เงินบาทในช่วงนี้ค่อนข้างนิ่ง
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ได้ขอความร่วมมือไปยังทุก บลจ.ทุกแห่ง ให้มีการรายงานสภาพคล่องแต่ละกองทุนที่ทำการเปิดขายทุกวัน ว่าเเต่ละกองมีสภาพคล่องที่เพียงพอจจะรองรับหากเกิดการไถ่ถอนผิดปกติหรือไม่ พร้อมกับมีการรายงานว่ามีการไถ่ถอนกองทุนมากน้อยหรือไม่ เป็นต้น ก.ล.ต.ได้ให้ทุก บลจ.รายงานข้อมูลดังกล่าวตั้งเเต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการที่ดีเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"เชื่อว่าจะไม่ร้ายเเรงเหมือนกับช่วงสงกรานต์ในปีที่ผ่านมา รัฐบาลน่าจะจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้" นายธีรพันธุ์กล่าว
น.ส.โสภาวดี เสิศมนัสชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนก่อนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ คงต้องจับตาการเมืองเป็นพิเศษว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ขณะเดียวกัน ก็ต้องเตรียมแผนรับมือให้เหมาะกับแต่ละสถานการณ์ด้วย ส่วนการลงทุนของ กบข.เอง เน้นการลงทุนระยะยาวเป็นหลัก แต่หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ก็ต้องมีมาตรการระยะสั้นออกมารองรับ ซึ่งเราเองได้วิเคราะห์สถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในหลายรูปแบบ พร้อมๆ กับการเตรียมแผนรับมือให้สอดคล้องในแต่ละสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้ปรับอะไรมากนัก ยังคงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 9% ในขณะที่เงินสดเองมีสัดส่วนการถือไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะลงทุนในตราสารทางการเงินระยะสั้นมากกว่า
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยภายหลังเข้ารับฟังข้อมูลจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง โดยมี บล.ภัทรเป็นตัวกลางเข้าพบว่า รัฐบาลได้ให้ข้อมูลถึงมาตรการและการเตรียมการป้องกันแก้ไข พร้อมทั้งการตั้งรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงก่อนและหลังวันที่ 26 ก.พ. โดยรัฐบาลมีแผนรองรับรวมทั้งมีข้อมูลเชิงลึกเพียงพอ หลังจากฟังข้อมูล มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า รัฐบาลจะสามารถควบคุมดูแลเหตุการณ์ในช่วงดังกล่าวได้ และเชื่อมั่นว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเหมือนในอดีต
"ยอมรับว่า ก่อนที่จะเข้ามาคุยกับรัฐบาล ค่อนข้างมีความกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการเข้าพบในครั้งนี้ ได้เตรียมคำถามที่จะมาถามรัฐบาลประมาณ 20 ข้อ กลุ่มนักลงทุนสถาบันเองก็มีความมั่นใจมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลเองได้รับรองว่าจะไม่มีการปฎิวัติตามที่เป็นกระแสข่าว เพราะความสัมพันธ์กับกองทัพยังคงแนบแน่น จากนี้ไปคงไม่จำเป็นที่กลุ่มบลจ.จะมาประเมินสถานการณ์อีกครั้ง" นายกสมาคม บลจ.กล่าว
ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงจะเดินทางไปชุมนุมที่ธนาคารกรุงเทพ (BBL) สำนักงานใหญ่ สีลม นางวรวรรณกล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น เพราะธนาคารกรุงเทพไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด มองว่าทุกคนเป็นลูกค้าของธนาคารทั้งหมด ในส่วนของบลจ.บัวหลวงเอง จากความกังวลต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลให้มีนักลงทุนไถ่ถอนหน่วยลงทุน หรือมีการชะลอการลงทุน ขอให้ลูกค้าและภาคธุรกิจมีความมั่นใจ โดยในส่วนของบริษัทฯจะมีการสื่อสารให้ต่างชาติมีความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย โดยจะมีการชี้แจงและให้ข้อมูลผ่านสื่อ ซึ่งสามารถถ่ายทอดได้อย่างรวดเร็ว
แหล่งข่าว บล.ภัทร (PHATRA) กล่าวว่า จากการที่บริษัทได้มีการพานักลงทุนสถาบันในประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จำนวน 30 แห่ง เข้ารับฟังคำชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและมาตรการที่รัฐบาลเตรียมความพร้อมจากที่จะมีการพิจารณาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ จากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
นายสุเทพชี้แจงว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ได้ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง และจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง รวมถึงจะไม่เกิดการปฏิวัติเกิดขึ้น ซึ่งหลังจากที่นักลงทุนได้มีการรับฟังคำชี้แจงมีกความสบายใจมากขึ้น จากที่รัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จากที่มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือและมีการคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ
สำหรับนักลงทุนสถาบันจากนี้จะมีการตัดสินใจอย่างไรในการลงทุนจากนี้ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์นั้น ไม่สามารถที่จะตอบได้เพราะ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และการพิจารณาของแต่ละ บลจ. ที่มีความคิดที่แตกต่างกันในการลงทุน ซึ่งบาง บลจ.นั้นอาจจะมองว่าเป็นจังหวะในการเข้าลงทุน แต่บางรายอาจจะมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน หรืออาจจะมีการขายหุ้นออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยงหากบลจ.แห่งนั้นมีความกังวลและไม่มั่นใจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของแต่ละแห่งในการพิจารณาในการลงทุน.