แบงก์ชาติมองต่างสภาพัฒน์ ทึ่งจีดีพีไตรมาส 4/52 พุ่งแซงตัดหน้า เตรียมพลิกตำรานั่งทำคาดการณ์ใหม่ทั้งหมด พร้อมเกาะติดภาคอสังหาฯ จับตาสินเชื่อ หลังยกเลิกมาตรการภาษีกระตุ้น เผยมียอดคงค้างที่ยังขายไม่ออก
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) ในไตรมาส 4 ปี 2552 สูงกว่าที่ ธปท.คาดการณ์เอาไว้มาก ดังนั้น ธปท.จึงต้องจะทบทวนคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีใน 8 ไตรมาสข้างหน้า ซึ่งต้องนำข้อมูลทั้งหมดนำมาพิจารณาว่า สอดคล้องกับคาดการณ์ที่ ธปท.ทำไว้หรือไม่
พร้อมกันนี้ ธปท.กำลังจับตาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อในภาคอสังหาฯ หลังจากรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการภาษี ซึ่งต้องดูว่าจะมีผลทำให้ทั้งสองส่วนเติบโตหรือไม่อย่างไร แม้ว่าขณะนี้สินเชื่อภาคอสังหาฯ จะสามารถเติบโตได้ แต่พบว่า ยังมียอดคงค้างที่อสังหาฯ ส่วนหนึ่งยังขายไม่ออก ก็จะต้องพิจารณาประกอบกันไปด้วย
"สำหรับผลกระทบ หลังรัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาฯ คงไม่ทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น แต่ถ้าเป็นการยกเลิกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพทั้งหมด น่าจะมีผลมากกว่า เพราะคิดเป็นเม็ดเงินถึง 1-2 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่เมื่อรัฐบาลยกเลิกเป็นบางมาตรการ ก็เชื่อว่าผลกระทบคงไม่น่ากังวล"
ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงต่อจากนี้คงปรับตัวสูงขึ้น แต่การเร่งตัวคงจะไม่เร็วมาก โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนมกราคม 2553 ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 0.6% แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะสูง 4.1% ซึ่ง ธปท.ก็ต้องติดตามแรงกดดันจากราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตร อุปสงค์ทั้งในประเทศและต่างประเทศว่าจะมีผลทำให้เกิดการเร่งตัวของเงินเฟ้อหรือไม่