ก.ล.ต.ประเมิน การเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียนเป็นเรื่องท้าทาย ต้องทำความเข้าใจผู้เกี่ยวข้องให้เห็นประโยชน์แก่ส่วนรวม พร้อมผ่อนเกณฑ์นโยบายทางการเงิน ยกระดับมาตฐานวิชาชีพสูงเท่าเทียมกัน รวมถึงการดำเนินการฟ้องร้องคดีข้ามประเทศ ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือของนายกรัฐมนตรีอาเซียน ในการหารือกฎฟ้องร้องข้ามแดน
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต)กล่าวปาฐกถาเรื่อง “The pan - ASEAN vision: Driving the integration of ASEAN capital markets”ว่า แผนการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียนนั้น รัฐมนตรีคลังอาเซียนได้มีความเห็นชอบแผนการดำเนินงานแล้ว และขณะนี้กำลังดำเนินการ โดยการทำแผนดังกล่าวนั้นเพื่อเป็นการยกระดับตลาดหุ้นอาเซียนให้มีมาตรฐานสูงและสร้างความน่าสนใจการลงทุน
ทั้งนี้ ความท้าทายในการดำเนินงานนั้นมี 4 เรื่อง คือ ประเด็นแรก การอธิบายให้บุคคลในภาคเอกชนในประเทศอาเซียนให้เห็นถึงกระบวนการปรับตัว และประโยชน์ของการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียน เพื่อไม่ให้ภาคเอกชนมองว่าตัวเองเสียประโยชน์แล้วมีการต่อต้านการเชื่อมโยง โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ภาพรวมมากกว่าผลประโยชน์ของภาคเอกชนบางแห่ง
ประเด็นที่2 คือ แต่ละประเทศในอาเซียนจะต้องมีการผ่อนคลายกฎระเบียบนโยบายการเงินน โดยมีการลดภาษี และมีการยกเลิกการหักภาษี ณ ที่จ่าย เพราะ การดำเนินการดังกล่าวนั้นจะทำให้เกิดกิจกรรมทางการเงินและจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากขึ้น พร้อมกับการลดการควบคุมในเรื่องการปริวรรตเงินตรา ซึ่งสามารถลดได้ทีละขั้น ได้ เพราะจะไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงมากเกินไป
สำหรับประเด็นที่3 คือจะต้องมีการดำเนินการให้มาตรฐานทางวิชาชีพในอาเซียนสูงขึ้นและมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน เช่น มาตรฐานบัญชี มาตรฐานการตีมูลค่าสินทรัยพ์ การจัดอันดับตราสารหนี้ฯลฯ ส่วนประเด็นที่4 คือเรื่องการดำเนินคดีข้ามพรมแดนจะมีการดำเนินการอย่างไร หากมีกรณีนักลงทุนประเทศหนึ่งไปซื้อหุ้นอีกประเทศแล้วเกิดคดีฟ้องร้องกัน จะทำให้สามารถฟ้องร้องข้ามประเทศได้สะดวก มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ และไม่ต้องเดินทางข้ามประเทศ โดยถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และเป็นเรื่องระบบดับนายกรัฐมนตรีอาเซียนที่จะต้องมีการหากรือกันเพื่อดำเนินเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ปัญหาที่ใหญ่ของการวางนโยบายอาเซียน คือ ความมุ่งมั่นทางการเมืองในการดำเนินเรื่องดัวกล่าว เพราะ แต่ละประเทศในอาเซียนนั้นมีความแตกต่างในเรื่องมาตรฐานต่างๆและการดูแลผลประโยชน์ของแต่ละประเทศเพื่อไม่ให้มีการเสียเปรียบ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าแผนการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียนนั้นจะสามารถสำเร็จได้ และก็หวังที่จะได้รับการผลักดันจากรัฐมนตรีการคลัง ในเรื่องดังกล่าว
**เล็งปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลไฟลิ่ง
ขณะเดียวกัน ก.ล.ต. เล็งปรับปรุงกระบวนการเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูลของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ที่ครบถ้วน เพียงพอ และเป็นปัจจุบัน และมีระยะเวลาในการพิจารณาข้อมูลได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะมีผลต่อการวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดย ก.ล.ต.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจจนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้
โดย การปรับปรุงกระบวนการเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เป็นการปรับปรุงขั้นตอนการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ filing) ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งมีสาระสำคัญคือ แบบ filing ที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ครบถ้วนและไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในสาระสำคัญอีกแล้ว อย่างน้อย 14 วันก่อนที่จะมีผลใช้บังคับ จากเดิมที่กำหนดให้เปิดเผยข้อมูลก่อนที่จะมีผลใช้บังคับอย่างน้อย 30 วัน แต่บริษัทสามารถแก้ไขข้อมูลในแบบ filing ได้ตลอดเวลา การปรับปรุงกระบวนการครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถติดตามข้อมูลที่ครบถ้วนได้สะดวกขึ้น และบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ก็จะใช้ระยะเวลาในการยื่น filing น้อยลงหากจัดเตรียมข้อมูลพร้อมทุกส่วน
นอกจากนี้ ในระหว่างการยื่นแบบ filing หาก ก.ล.ต. มีประเด็นข้อสังเกตที่อาจมีนัยสำคัญต่อการพิจารณาของผู้ลงทุนซึ่งเป็นประเด็นที่ยังไม่ได้เปิดเผยในแบบ filing ก.ล.ต. จะกำหนดให้บริษัทและที่ปรึกษาทางการเงินชี้แจงหรือตอบคำถาม แล้วนำคำถาม-คำตอบดังกล่าวเผยแพร่บนเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. (www.sec.or.th) เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบประเด็นต่าง ๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุนมากขึ้น
ในการนี้ ก.ล.ต. ได้จัดทำเอกสารเกี่ยวกับการปรับปรุงกระบวนการเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ข้างต้น และเผยแพร่ไว้ที่ www.sec.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจ โดยสามารถแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าวได้จนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต)กล่าวปาฐกถาเรื่อง “The pan - ASEAN vision: Driving the integration of ASEAN capital markets”ว่า แผนการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียนนั้น รัฐมนตรีคลังอาเซียนได้มีความเห็นชอบแผนการดำเนินงานแล้ว และขณะนี้กำลังดำเนินการ โดยการทำแผนดังกล่าวนั้นเพื่อเป็นการยกระดับตลาดหุ้นอาเซียนให้มีมาตรฐานสูงและสร้างความน่าสนใจการลงทุน
ทั้งนี้ ความท้าทายในการดำเนินงานนั้นมี 4 เรื่อง คือ ประเด็นแรก การอธิบายให้บุคคลในภาคเอกชนในประเทศอาเซียนให้เห็นถึงกระบวนการปรับตัว และประโยชน์ของการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียน เพื่อไม่ให้ภาคเอกชนมองว่าตัวเองเสียประโยชน์แล้วมีการต่อต้านการเชื่อมโยง โดยให้คำนึงถึงประโยชน์ภาพรวมมากกว่าผลประโยชน์ของภาคเอกชนบางแห่ง
ประเด็นที่2 คือ แต่ละประเทศในอาเซียนจะต้องมีการผ่อนคลายกฎระเบียบนโยบายการเงินน โดยมีการลดภาษี และมีการยกเลิกการหักภาษี ณ ที่จ่าย เพราะ การดำเนินการดังกล่าวนั้นจะทำให้เกิดกิจกรรมทางการเงินและจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากขึ้น พร้อมกับการลดการควบคุมในเรื่องการปริวรรตเงินตรา ซึ่งสามารถลดได้ทีละขั้น ได้ เพราะจะไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงมากเกินไป
สำหรับประเด็นที่3 คือจะต้องมีการดำเนินการให้มาตรฐานทางวิชาชีพในอาเซียนสูงขึ้นและมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน เช่น มาตรฐานบัญชี มาตรฐานการตีมูลค่าสินทรัยพ์ การจัดอันดับตราสารหนี้ฯลฯ ส่วนประเด็นที่4 คือเรื่องการดำเนินคดีข้ามพรมแดนจะมีการดำเนินการอย่างไร หากมีกรณีนักลงทุนประเทศหนึ่งไปซื้อหุ้นอีกประเทศแล้วเกิดคดีฟ้องร้องกัน จะทำให้สามารถฟ้องร้องข้ามประเทศได้สะดวก มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ และไม่ต้องเดินทางข้ามประเทศ โดยถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และเป็นเรื่องระบบดับนายกรัฐมนตรีอาเซียนที่จะต้องมีการหากรือกันเพื่อดำเนินเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ปัญหาที่ใหญ่ของการวางนโยบายอาเซียน คือ ความมุ่งมั่นทางการเมืองในการดำเนินเรื่องดัวกล่าว เพราะ แต่ละประเทศในอาเซียนนั้นมีความแตกต่างในเรื่องมาตรฐานต่างๆและการดูแลผลประโยชน์ของแต่ละประเทศเพื่อไม่ให้มีการเสียเปรียบ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าแผนการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียนนั้นจะสามารถสำเร็จได้ และก็หวังที่จะได้รับการผลักดันจากรัฐมนตรีการคลัง ในเรื่องดังกล่าว
**เล็งปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลไฟลิ่ง
ขณะเดียวกัน ก.ล.ต. เล็งปรับปรุงกระบวนการเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูลของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ที่ครบถ้วน เพียงพอ และเป็นปัจจุบัน และมีระยะเวลาในการพิจารณาข้อมูลได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะมีผลต่อการวิเคราะห์ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดย ก.ล.ต.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจจนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้
โดย การปรับปรุงกระบวนการเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ เป็นการปรับปรุงขั้นตอนการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ filing) ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งมีสาระสำคัญคือ แบบ filing ที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. ต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ครบถ้วนและไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในสาระสำคัญอีกแล้ว อย่างน้อย 14 วันก่อนที่จะมีผลใช้บังคับ จากเดิมที่กำหนดให้เปิดเผยข้อมูลก่อนที่จะมีผลใช้บังคับอย่างน้อย 30 วัน แต่บริษัทสามารถแก้ไขข้อมูลในแบบ filing ได้ตลอดเวลา การปรับปรุงกระบวนการครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถติดตามข้อมูลที่ครบถ้วนได้สะดวกขึ้น และบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ก็จะใช้ระยะเวลาในการยื่น filing น้อยลงหากจัดเตรียมข้อมูลพร้อมทุกส่วน
นอกจากนี้ ในระหว่างการยื่นแบบ filing หาก ก.ล.ต. มีประเด็นข้อสังเกตที่อาจมีนัยสำคัญต่อการพิจารณาของผู้ลงทุนซึ่งเป็นประเด็นที่ยังไม่ได้เปิดเผยในแบบ filing ก.ล.ต. จะกำหนดให้บริษัทและที่ปรึกษาทางการเงินชี้แจงหรือตอบคำถาม แล้วนำคำถาม-คำตอบดังกล่าวเผยแพร่บนเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. (www.sec.or.th) เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบประเด็นต่าง ๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุนมากขึ้น
ในการนี้ ก.ล.ต. ได้จัดทำเอกสารเกี่ยวกับการปรับปรุงกระบวนการเปิดเผยข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ข้างต้น และเผยแพร่ไว้ที่ www.sec.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจ โดยสามารถแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าวได้จนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553
