“โสภาวดี” ชูวิสัยทัศน์ ปรับภาพลักษณ์ กบข. ยกระดับเป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาล หวังซื้อใจสมาชิก ฟื้นศรัทธาคืน ออกกฎคุมเข้มผู้บริหาร พนักงาน ห้ามซื้อขายหุ้นเด็ดขาด มั่นใจเรียกความเชื่อมั่นได้แน่ ส่วนพอร์ตการลงทุน เล็งเพิ่มสัดส่วนลุยต่างประเทศ ชูตลาดเอเชียน่าสนใจ
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในขณะนี้คือ การปรับภาพลักษณ์ กบข. ให้เป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาล (Corporate Governance) ที่สมาชิกมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจ รวมถึงสังคมทั่วไปมอง กบข.เป็นองค์กรต้นแบบแห่งธรรมาภิบาล
“ที่ผ่านมา กบข.เจอกับปัญหาความเชื่อมั่น ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่า การเป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาล จะเป็นเกราะป้องกันและวัคซีนที่ดีที่สุดในการอธิบายถึงความโปร่งใส ชัดเจน และการทำงานของ กบข. เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นกลับมา”เลขาธิการคนใหม่กล่าว
ทั้งนี้ ในเรื่องของธรรมาภิบาลนั้น จะยืดปฏิบัติทั้งในองค์กรและนอกองค์กร โดยในขณะนี้ คณะกรรมการ กบข. กำลังเตรียมออกร่างปฏิบัติ ห้ามผู้บริหาร และพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งหมด มีการซื้อขาย หรือลงทุนในหุ้นโดยตรง จากเดิมที่เปิดโอกาสให้ลงทุนได้ แต่ต้องรายงานก่อน ส่วนในแง่ของการลงทุน กบข. ก็จะให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งในส่วนนี้ จะมีส่วนในการผลักดันให้บริษัทจดทะเบียน หันมาให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลมากขึ้นด้วย
“เรามีการประกาศนโยบายชัดเจนว่าพนักงานและผู้บริหารทุกคนต้องยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนห้ามซื้อขายหุ้นโดยเด็ดขาด การดำเนินงานใด ๆ และต่อไปนี้ ต้องยึดแนวนโยบายที่ชัดเจนว่าผลประโยชน์สมาชิกต้องมาก่อน รวมทั้งการตัดสินใจลงทุนใด ๆ ต้องมีการศึกษาให้รอบคอบ พร้อมทั้งปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ต่าง ๆ อยู่เสมอ ขณะเดียวกันก็ต้องหาช่องทางการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ ๆ ให้มากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวให้กับสมาชิก”นางสาวโสภาวดีกล่าว
นางสาวโสภาวดีกล่าวว่า ในแง่ของสมาชิกเอง สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือ การสื่อสารให้ตรงกับความต้องการของสมาชิกแต่ละกลุ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีความแตกต่างทั้งอาชีพ อายุ และความเข้าใจในการลงทุน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสื่อสารกับสมาชิกมากขึ้น นอกเหนือจากนั้น ก็จะเน้นการเพิ่มสวัสดิการให้กับสมาชิกมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ของปี กบข.เอง จะเปิดโอกาสให้สมาชิก สามารถเลือกลงทุนเองได้ โดยจะกำหนดรูปแบบการลงทุนออกเป็น 4 แบบ นั่นคือ การลงทุนตามสูตรของกบข. การลงทุนสำหรับสมาชิกใกล้เกษียณซึ่งจะให้น้ำหนักในตราสารหนี้เป็นหลัก การลงทุนที่เน้นในน้ำหนักในหุ้นสูง และการลงทุนที่เน้นในน้ำหนักในหุ้นปานกลาง
เล็งเพิ่มสัดส่วนลงทุนต่างประเทศ
นางสาวโสภาวดี กล่าวว่าสำหรับพอร์ตการลงทุนของกบข. ล่าสุด มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 69% การลงทุนหุ้นในประเทศ 9% ส่วนพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศอยู่ที่ 13% จากเพดานการลงทุน 25% ซึ่งแบ่งออกเป็นการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ 9% และตราสารหนี้ 4%
ทั้งนี้ กบข.เอง มีแผนจะกระจายความเสี่ยงออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยขณะนี้มองว่าโอกาสการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ทั้งในอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน เป็นการลงทุนที่น่าสนใจ และอยู่ในแผนการลงทุนของกบข. อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศเอง ต้องดูด้วยว่าโอกาสเปิดให้สำหรับเราหรือไม่ หรือมีการลงทุนในตลาดใดบ้างที่น่าสนใจ
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการคณะกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในขณะนี้คือ การปรับภาพลักษณ์ กบข. ให้เป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาล (Corporate Governance) ที่สมาชิกมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจ รวมถึงสังคมทั่วไปมอง กบข.เป็นองค์กรต้นแบบแห่งธรรมาภิบาล
“ที่ผ่านมา กบข.เจอกับปัญหาความเชื่อมั่น ซึ่งโดยส่วนตัวเชื่อว่า การเป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาล จะเป็นเกราะป้องกันและวัคซีนที่ดีที่สุดในการอธิบายถึงความโปร่งใส ชัดเจน และการทำงานของ กบข. เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นกลับมา”เลขาธิการคนใหม่กล่าว
ทั้งนี้ ในเรื่องของธรรมาภิบาลนั้น จะยืดปฏิบัติทั้งในองค์กรและนอกองค์กร โดยในขณะนี้ คณะกรรมการ กบข. กำลังเตรียมออกร่างปฏิบัติ ห้ามผู้บริหาร และพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งหมด มีการซื้อขาย หรือลงทุนในหุ้นโดยตรง จากเดิมที่เปิดโอกาสให้ลงทุนได้ แต่ต้องรายงานก่อน ส่วนในแง่ของการลงทุน กบข. ก็จะให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งในส่วนนี้ จะมีส่วนในการผลักดันให้บริษัทจดทะเบียน หันมาให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลมากขึ้นด้วย
“เรามีการประกาศนโยบายชัดเจนว่าพนักงานและผู้บริหารทุกคนต้องยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ผู้บริหารและพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนห้ามซื้อขายหุ้นโดยเด็ดขาด การดำเนินงานใด ๆ และต่อไปนี้ ต้องยึดแนวนโยบายที่ชัดเจนว่าผลประโยชน์สมาชิกต้องมาก่อน รวมทั้งการตัดสินใจลงทุนใด ๆ ต้องมีการศึกษาให้รอบคอบ พร้อมทั้งปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ต่าง ๆ อยู่เสมอ ขณะเดียวกันก็ต้องหาช่องทางการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ ๆ ให้มากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวให้กับสมาชิก”นางสาวโสภาวดีกล่าว
นางสาวโสภาวดีกล่าวว่า ในแง่ของสมาชิกเอง สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือ การสื่อสารให้ตรงกับความต้องการของสมาชิกแต่ละกลุ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีความแตกต่างทั้งอาชีพ อายุ และความเข้าใจในการลงทุน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสื่อสารกับสมาชิกมากขึ้น นอกเหนือจากนั้น ก็จะเน้นการเพิ่มสวัสดิการให้กับสมาชิกมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ของปี กบข.เอง จะเปิดโอกาสให้สมาชิก สามารถเลือกลงทุนเองได้ โดยจะกำหนดรูปแบบการลงทุนออกเป็น 4 แบบ นั่นคือ การลงทุนตามสูตรของกบข. การลงทุนสำหรับสมาชิกใกล้เกษียณซึ่งจะให้น้ำหนักในตราสารหนี้เป็นหลัก การลงทุนที่เน้นในน้ำหนักในหุ้นสูง และการลงทุนที่เน้นในน้ำหนักในหุ้นปานกลาง
เล็งเพิ่มสัดส่วนลงทุนต่างประเทศ
นางสาวโสภาวดี กล่าวว่าสำหรับพอร์ตการลงทุนของกบข. ล่าสุด มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 69% การลงทุนหุ้นในประเทศ 9% ส่วนพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศอยู่ที่ 13% จากเพดานการลงทุน 25% ซึ่งแบ่งออกเป็นการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ 9% และตราสารหนี้ 4%
ทั้งนี้ กบข.เอง มีแผนจะกระจายความเสี่ยงออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยขณะนี้มองว่าโอกาสการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย ทั้งในอสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน เป็นการลงทุนที่น่าสนใจ และอยู่ในแผนการลงทุนของกบข. อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศเอง ต้องดูด้วยว่าโอกาสเปิดให้สำหรับเราหรือไม่ หรือมีการลงทุนในตลาดใดบ้างที่น่าสนใจ