“พรศิริ” เตรียมอ้อนจีน ติวเข้ม หวังให้เป็นพี่เลี้ยงดันไทย เข้าชิง เป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป พร้อมให้การบ้านกรรมการทุกคนไปเร่งศึกษาข้อมูลหาผลดีผลเสียจากการเป็นเจ้าภาพ ก่อนเรียกประชุมทุกหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนขอความคิดเห็นเพิ่มเติม เบื้องต้นกรรมการทุกคนฟันธง ไทยควรขึ้นเวทีชิงสิทธิ์เจ้าภาพจัดงาน ชี้ได้มากกว่าเสียชัวร์
นางพรศิริ มโนหาญ ที่ปรึกษาสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) ในฐานะประธานคณะทำงานเตรียมการนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 เปิดเผยว่า เตรียมจัดคณะทำงานเดินทางไปศึกษาดูงานด้านการจัดเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปที่ เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ในเดือน พ.ค.-ต.ค.ศกนี้ และภายหลังจากจบงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2010 จากนั้นจะเจรจาขอรัฐบาลจีนช่วยเป็นที่ปรึกษาให้กับประเทศไทย ในเรื่องการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ที่ไทยเตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในปี 2020 ด้วย
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 ม.ค.53 ได้เรียกประชุมคณะทำงานฯ เพื่อแบ่งงานให้กรรมการแต่ละคนไปศึกษาข้อมูล เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าว ได้แก่ ให้ผู้แทนจากกรมศุลกากร ไปศึกษาด้านประโยชน์ทางอ้อมด้านภาษีการจัดจ้างงานนี้จะเป็นเท่าใด โดยเป็นรายได้ที่จะมีเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากรายได้ด้านการท่องเที่ยว รวมถึงรายได้อื่นๆที่จะเข้ามาในทางตรง ส่วนผู้แทนจากกรมธนารักษ์ ให้ไปสำรวจว่า มีพื้นที่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ที่ใดบ้างที่มีขนาดมากกว่า 1,000 ไร่ เพื่อใช้สำหรับจัดงาน ,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ไปศึกษาประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ว่ามีมากน้อยแค่ไหน หากมีการจัดงานนี้ในประเทศไทย รวมถึงประโยชน์ด้านภาพลักษณ์ของประเทศ และให้กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นสมาชิกของ วีไออี องค์กรที่ทำหน้าที่จัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ช่วยหาข้อมูลการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพว่าจะต้องเตรียมการอย่างไรบ้าง เป็นต้น
สำหรับภาคเอกชน ให้สมาคมโรงแรมไทยไปสำรวจจำนวนห้องพักในเขตกรุงเทพฯโดยประเมินไปในอีก 10 ปี ข้างหน้าว่าจะเป็นเท่าใด เพราะกรุงเทพฯถือเป็นพื้นที่ที่จะรองรับผู้ที่เดินทางมาร่วมงานเป็นด่านแรก เนื่องจากมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่า สถานที่จัดงานไม่ควรอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ โดยต้องใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ส่วนสมาคมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ให้ไปศึกษาถึงประโยชน์ของผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นรายกลางและรายเล็กจะได้ประโยชน์จากการจัดงานนี้อย่างไร เช่น ธุรกิจสปา ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โรงแรม และ บริษัทนำเที่ยว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานเรียมการฯนี้ประกอบด้วย ตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องรวม 13 คน ซึ่งจากการประชุมครั้งแรกที่ผ่านมา สรุปเบื้องต้นว่า ทุกคนเห็นไปในทิศทางเดียวกันหมดว่า ไทยควรเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 เพราะทำให้เกิดประโยชน์ด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ตลอดจนภาพลักษณ์ชื่อเสียงของประเทศไทยที่จะฟื้นคืนมา ตลอด 10 ปี ที่เตรียมการในกรณีที่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ
ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เตรียมจัด โอเพ่น เดย์ เชิญหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง กับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป เพื่อมารับฟังว่าไทยจะได้ประโยชน์อะไรจากการจัดงานดังกล่าว รวมถึงแนวทางการเรียมความพร้อมในการไปประมูลเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งจะใช้โอกาสนี้รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนไปในคราวเดียวกัน
นางพรศิริ มโนหาญ ที่ปรึกษาสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) ในฐานะประธานคณะทำงานเตรียมการนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 เปิดเผยว่า เตรียมจัดคณะทำงานเดินทางไปศึกษาดูงานด้านการจัดเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โปที่ เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ในเดือน พ.ค.-ต.ค.ศกนี้ และภายหลังจากจบงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2010 จากนั้นจะเจรจาขอรัฐบาลจีนช่วยเป็นที่ปรึกษาให้กับประเทศไทย ในเรื่องการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ที่ไทยเตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในปี 2020 ด้วย
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 ม.ค.53 ได้เรียกประชุมคณะทำงานฯ เพื่อแบ่งงานให้กรรมการแต่ละคนไปศึกษาข้อมูล เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าว ได้แก่ ให้ผู้แทนจากกรมศุลกากร ไปศึกษาด้านประโยชน์ทางอ้อมด้านภาษีการจัดจ้างงานนี้จะเป็นเท่าใด โดยเป็นรายได้ที่จะมีเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากรายได้ด้านการท่องเที่ยว รวมถึงรายได้อื่นๆที่จะเข้ามาในทางตรง ส่วนผู้แทนจากกรมธนารักษ์ ให้ไปสำรวจว่า มีพื้นที่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ที่ใดบ้างที่มีขนาดมากกว่า 1,000 ไร่ เพื่อใช้สำหรับจัดงาน ,การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ไปศึกษาประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ว่ามีมากน้อยแค่ไหน หากมีการจัดงานนี้ในประเทศไทย รวมถึงประโยชน์ด้านภาพลักษณ์ของประเทศ และให้กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นสมาชิกของ วีไออี องค์กรที่ทำหน้าที่จัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ช่วยหาข้อมูลการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพว่าจะต้องเตรียมการอย่างไรบ้าง เป็นต้น
สำหรับภาคเอกชน ให้สมาคมโรงแรมไทยไปสำรวจจำนวนห้องพักในเขตกรุงเทพฯโดยประเมินไปในอีก 10 ปี ข้างหน้าว่าจะเป็นเท่าใด เพราะกรุงเทพฯถือเป็นพื้นที่ที่จะรองรับผู้ที่เดินทางมาร่วมงานเป็นด่านแรก เนื่องจากมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่า สถานที่จัดงานไม่ควรอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ โดยต้องใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง
ส่วนสมาคมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ให้ไปศึกษาถึงประโยชน์ของผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นรายกลางและรายเล็กจะได้ประโยชน์จากการจัดงานนี้อย่างไร เช่น ธุรกิจสปา ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โรงแรม และ บริษัทนำเที่ยว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานเรียมการฯนี้ประกอบด้วย ตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องรวม 13 คน ซึ่งจากการประชุมครั้งแรกที่ผ่านมา สรุปเบื้องต้นว่า ทุกคนเห็นไปในทิศทางเดียวกันหมดว่า ไทยควรเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 เพราะทำให้เกิดประโยชน์ด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ตลอดจนภาพลักษณ์ชื่อเสียงของประเทศไทยที่จะฟื้นคืนมา ตลอด 10 ปี ที่เตรียมการในกรณีที่ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ
ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ เตรียมจัด โอเพ่น เดย์ เชิญหน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง กับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป เพื่อมารับฟังว่าไทยจะได้ประโยชน์อะไรจากการจัดงานดังกล่าว รวมถึงแนวทางการเรียมความพร้อมในการไปประมูลเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งจะใช้โอกาสนี้รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชนไปในคราวเดียวกัน