xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ลั่นมาบตาพุดชัดเจนใน 6 เดือน พร้อมแจงเจโทรทำความเข้าใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกฯ ยันปัญหาลงทุนมาบตาพุดสะสางได้ ลั่นต้องชัดเจนภายใน 6 เดือน พร้อมชี้แจงทำความเข้าใจ "เจโทร" พรุ่งนี้ ด้านภาคเอกชน ขานรับสัญญาณชัดเจนไม่เกิน Q2 ห่วงสัญญาณเงินเฟ้อทั่วโลก กดดันนโยบายการเงินผ่อนคลาย




นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีว นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหามาบตาพุดที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงว่า อาจจะยืดเยื้อยาวนาน โดยนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า กรณีดังกล่าวมีความเป็นไปได้ที่การแก้ไขปัญหาโครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดทั้งหมด จะมีความชัดเจนได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน

"ผมว่าความชัดเจนมี แต่ว่าจะเสร็จครบถ้วนกระบวนความไม่มีใครตอบได้ ความชัดเจนในขั้นตอนมีแล้ว ความพร้อมในหน่วยปฏิบัติมีแล้ว อีก 2 เดือนก็จะมีองค์กรอิสระให้ความเห็นได้ จะให้ไปบอกว่าทุกอย่างเสร็จหมดก็คงไม่ใช่ แต่ผมว่าทุกคนจะมีความชัดเจนภายในระยะเวลาที่สั้นกว่า 6 เดือน"

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การจัดทำรายงานผลกระทบด้านสุขภาพ (HIA) นั้น จะต้องพิจารณาไปตามข้อเท็จจริง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเร่งนำเสนอรายงานดังกล่าวเข้ามา อย่างไรก็ดี รัฐบาลคงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งหมดการการถูกชะลอโครงการลงทุนตามคำสั่งศาลปกครองได้ เนื่องจากศาลอาจมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงในแต่ละโครงการที่จะส่งผลให้บางโครงการสามารถเดินหน้าต่อ และทำให้มูลค่าความเสียหายสามารถปรับลดลงมาได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า วันพรุ่งนี้ (19 มกราคม 2553) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) จะเดินทางเข้าพบ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงและทำความเข้าใจกับนักลงทุนญี่ปุ่นถึงแนวนโยบายและขั้นตอนการแก้ไขปัญหาการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า ปัญหามาบตาพุดจะคลี่คลายลงภายใน 6 เดือน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความชัดเจนจะมีทั้งขั้นตอนและความพร้อมของหน่วยปฏิบัติ ส่วนจะเสร็จครบถ้วนทุกกระบวนการ ทุกโครงการ ทุกเรื่องหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ แต่ทุกคนจะมีความชัดเจนภายในเวลาที่สั้นกว่า 6 เดือน ซึ่งความชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการลงทุน

เมื่อถามว่า ขณะนี้สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายในกรณีมาบตาพุดได้แล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยากที่จะประเมิน เพราะขึ้นอยู่กับคำสั่งของศาลต่อไปด้วย เช่น ถ้าศาลอนุญาตให้มีการก่อสร้างต่อได้ ความเสียหายที่เคยประเมินในเรื่องคนตกงาน เรื่องระยะเวลาที่ชะงักจะลดลง

“ผมถือว่า วันนี้เราต้องการใช้รัฐธรรมนูญ ใช้มาตรฐานใหม่ เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยมา ต้องทำให้ดีที่สุด ทั้งหมดเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ซึ่งประโยชน์ส่วนรวมไม่ได้อยู่ด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่า ทุกโครงการใครมาลงทุนได้ ลงทุนเร็วแล้วจะเกิดประโยชน์สูงสุด และไม่ได้หมายความว่า การหยุดทุกโครงการจะเกิดประโยชน์สูงสุด ผมคิดว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหาความพอดีและความสมดุลตรงนี้ และมีกติกาที่มีความชัดเจนก็น่าจะเป็นไปด้วยดี” นายกรัฐมนตรี กล่าวสรุป

ด้านผู้เชี่ยวชาญการลงทุน มองว่า เศรษฐกิจปี 2553 ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยในครึ่งปีแรกเป็นความไม่แน่นอนจากปัญหาภายในประเทศ โดยเฉพาะทางการเมืองอันจะมีผลต่อความมั่นคงของรัฐบาล และการแก้ไขปัญหามาบตาพุดที่คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 2 ปี 2553 อีกทั้งเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงจากสัญญาณเงินเฟ้อที่มากขึ้น โดยทุกประเทศจำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินลงในช่วงครึ่งปีหลัง ก็ต้องหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมให้ได้

นอกจากนี้ ยังคงมีความกังวลในเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้าย โดยจะเห็นว่าตัวเลขเงินลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาในตลาดหุ้นไทย ยังเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งสภาพคล่องทั่วโลกยังมีอยู่เป็นจำนวนมากจึงอาจส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ที่จะเพิ่มขึ้น

ดังนั้น ความท้าทายของเศรษฐกิจในปีนี้จะมีอยู่ 2 ส่วน ได้แก่ การรักษาสมดุลเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง และถอนนโยบายที่ผ่อนคลายออก รวมทั้งการพึ่งพาการส่งออก แนะต้องหาช่องทางการเข้าถึงภูมิภาคมากขึ้น และสร้างความต้องการอุปสงค์และการลงทุนภายในประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น