กนง.แจงทิศทางปี 53 เน้นพิจารณา 3 ประเด็นหลัก กำหนดทิศทางนโยบายการเงินในระยะต่อไป พร้อมส่งสัญญาณนโยบายการเงินปีนี้ เน้นการรักษาเสถียรภาพ ศก.มากขึ้น แต่ก็จะไม่เร่งปรับ ดบ.เร็วเกินไปจนทำให้ ศก.สะดุด กลายเป็นความเสี่ยง ขณะเดียวกัน ก็จะไม่ทำนโยบายการเงินช้าเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดฟองสบู่ พร้อมระบุ ธปท.จะมีการทบทวนคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในรายงานแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อฉบับใหม่ ที่จะเผยแพร่ในสัปดาห์หน้า
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การดำเนินนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในระยะต่อไปจะพิจารณาจาก 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นแรก เป้าหมายรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะยาว ดูแลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำและมีเสถียรภาพในการประคับประคองเศรษฐกิจ
ประเด็นต่อมา คือ การดูแลให้เศรษฐกิจที่อยู่ในระยะฟื้นตัว โดยการพิจารณาดอกเบี้ยจะให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย ตราบใดที่ไม่ขัดต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะยาว โดยระยะข้างหน้าหากจะมีการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยก็ไม่ต้องการให้เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งการประชุม กนง.ในช่วง 2-3 ครั้งที่ผ่านมา กนง.ก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย
ส่วนประเด็นที่ 3 คือ กนง.จะไม่ปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปเนิ่นนานเกินไป หลังจากที่มีการคงอัตราดอกเบี้ยมาแล้วในการประชุมทั้ง 6 ครั้ง ซึ่งหากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและสภาพคล่องส่วนเกินในระบบค่อนข้างมาก จะทำให้เศรษฐกิจเกิดความไม่สมดุล และอาจกดดันให้เกิดการเร่งตัวของภาวะฟองสบู่
"กนง.จะ focus นโยบายการเงินปีนี้ไปในทางการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมากขึ้น แต่ก็จะไม่เร่งปรับจนดอกเบี้ยเร็วเกินไปจนเศรษฐกิจสะดุด ซึ่งมันจะกลายเป็นความเสี่ยง ขณะเดียวกันก็จะไม่ทำนโยบายการเงินช้าเกินไป เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดฟองสบู่"
ปัจจัยทั้ง 3 เป็นกรอบในการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อาร์/พี) ให้เหมาะสมต่อไป ขณะที่ในด้านอัตราแลกเปลี่ยนนั้นขณะนี้ยังไม่เป็นอุปสรรคต่อการเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจ แต่แนวโน้มต่อไปก็จะเกิดปัญหาเงินทุนไหลเข้า ซึ่งจะมีผลกระทบทำให้ค่าเงินบาทผันผวน เห็นได้จากสัปดาห์ก่อนค่าเงินผันผวนค่อนข้างมาก แต่ ธปท.จะดูแลและติดตาม เพื่อให้ค่าเงินเป็นไปตามกลไกตลาด และไม่เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจด้วย
"การทำนโยบายการเงินวันนี้ กนง.สบายใจมาก ตรงนี้ก็จะหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อัตราแลกเปลี่ยนก็เป็นไปตามภาวะตลาด "
นายไพบูลย์ กล่าวว่า การกำหนดนโยบายการเงินในช่วงปี 2552 ที่ผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยเป็นผลจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำอย่างรุนแรง โดยช่วงแรกความรู้สึกของตลาดค่อนข้างตกต่ำมาก เศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรงมากที่สุดในรอบ 60-70 ปี ดังนั้น นโยบายการเงินคือการบรรเทาผลกระทบ และดูแลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้กลับมาเร็วขึ้น ที่ผ่านมานโยบายการเงินการคลังทำให้ได้ผลสำเร็จ แต่จากนี้ไปต้องดูว่าการฟื้นตัวจะยั่งยืนหรือไม่ และให้เอกชนสามารถเดินเองได้ก่อนถอนนโยบายการเงินการคลัง
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในขณะนี้ยังไม่เป็นปัจจัยที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเร็วขึ้น เนื่องจากปัจจัยอัตราดอกเบี้ยต่ำยังเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในกรอบ 0.5-3.0% แต่ กนง.ยังไม่สามารถจะนิ่งนอนใจได้ ซึ่งจะไม่ปล่อยให้นโบการเงินช้าไปหรือเร็วเกินไปกว่าการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของเอกชน
อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ กล่าวว่า ธปท.จะมีการทบทวนคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในรายงานแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อฉบับใหม่ที่จะเผยแพร่ในสัปดาห์หน้า