xs
xsm
sm
md
lg

ประกันฯ ปีหน้ายังรุ่งโต 18-23% เศรษฐกิจ-นโยบายภาครัฐหนุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดธุรกิจประกันชีวิตปีหน้ายังสดใส เติบโตได้ 18-23% จากปีนี้ที่ขยายตัวได้ประมาณ 20% รับปัจจัยสนับสนุนทั้งจากเศรษฐกิจที่กลับมาเติบโต และนโยบายภาครัฐ ขณะที่ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์จะเข้ามามีบทบาทและแข่งขันสูงขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์แนวโน้มธุรกิจประกันชีวิตปี 2553 จะยังคงรักษาการเติบโตได้ในระดับสูงต่อเนื่องในปี 2553 ด้วยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมประมาณ 18-23% เทียบกับประมาณ 20% ในปี 2552 โดยปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจที่กลับมาขยายตัวอีกครั้ง ซึ่งจะส่งให้ทิศทางสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย และจะส่งผลดีต่อการทำประกันสินเชื่อให้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากเบี้ยประกันของการประกันสินเชื่อ มีลักษณะเป็นเบี้ยจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) จึงเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูง และสามารถดึงยอดเบี้ยประกันรับรวมให้เพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าเบี้ยประกันชีวิตประเภทสามัญ ทั้งนี้ คาดว่าการประกันสินเชื่อที่จะกลับมาขยายตัวในอัตราเร่งในปี 2553 เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่แทบจะไม่มีเลย เนื่องจากการหดตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ จะยิ่งส่งผลให้เบี้ยประกันรับผ่านธนาคารพาณิชย์ (Bancassurance) เติบโตขึ้นมากตามไปด้วย

ประกอบกับ แนวนโยบายของทางการที่สนับสนุนให้ธุรกิจประกันชีวิต ขยายตลาดลงไปถึงระดับฐานราก เพื่อสร้างหลักประกันทั่วหน้าแก่ประชาชน ผ่านการสนับสนุน Micro Insurance หรือแบบประกันชีวิตที่มีต้นทุนต่ำ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจประกันขยายฐานได้กว้างขวางมากขึ้น และมีการกระจายความเสี่ยงภัยที่ดี นอกจากนี้ คปภ. ยังได้ประกาศตารางมรณกรรมสำหรับแบบประกันประเภทบำนาญ (Annuity) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้บริษัทประกันชีวิต วางแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนจากกรมสรรพากรในการแก้ไขกฎการสำรองเงินประกันให้สอดคล้องกับลักษณะการบริหารเงินของประกันประเภทนี้ จะช่วยลดภาระภาษีให้กับธุรกิจ และทำให้มีโอกาสที่จะผลักดันผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญออกมาเป็นรูปธรรมได้มากขึ้น

สำหรับความเป็นไปได้ที่จะมีการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมทางภาษี เพื่อกระตุ้นให้เกิดการออมผ่านการทำประกันชีวิต ซึ่งสมาคมประกันชีวิตได้เสนอขอใน 3 ประเด็น คือ การหักลดหย่อนภาษีกรณีซื้อประกันสุขภาพหรือประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล การหักลดหย่อนภาษีสำหรับกรมธรรม์แบบบำนาญ และการหักลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมแบบขั้นบันไดสำหรับกรมธรรม์แบบพ่วงการลงทุน (Unit Linked)นั้น มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการพิจารณาบ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดตามที่ภาคเอกชนร้องขอ ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นการขยายธุรกิจประกันได้

และช่องทางการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากความสำเร็จของการรุกตลาดประกันชีวิตผ่านธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าธนาคารต่างๆ จะร่วมมือกับบริษัทประกันในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างหลากหลายมากขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทีมงานขายประกันชีวิตของธนาคารให้มีความรู้ ความชำนาญ และเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย เชื่อว่าการเติบโตของส่วนแบ่งตลาด Bancassurance ในธุรกิจประกันชีวิต น่าจะยังคงขยายตัวในอัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่องอีกไม่น้อยกว่า 3-5 ปี

ขณะที่ช่องทางการขายหลักอย่างตัวแทน (Agent) ภายใต้เกณฑ์การขอมีใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาตของ คปภ. ที่เข้มงวดขึ้น จะทำให้ได้ตัวแทนที่มีคุณภาพมากขึ้น มีลักษณะใกล้เคียงงานให้คำปรึกษาและวางแผนการบริหารเงินให้กับลูกค้าได้ ขณะที่ระบบดังกล่าวจะค่อยๆลดจำนวนตัวแทนที่มีรูปแบบหรือวิธีการขายที่อาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจประกัน เช่น ขายประกันกับคนรู้จักโดยอาศัยความเกรงใจ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม โอกาสการเติบโตของธุรกิจประกันในปี 2553 คาดว่าจะถูกจำกัดอยู่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศยังไม่ปรับขึ้น ซึ่ง ณ ขณะนี้ตลาดคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่อาจปรับขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นจริง ก็อาจกระทบต่อความต้องการทำประกันได้
กำลังโหลดความคิดเห็น