เสนอคลังลดหย่อนภาษีประกันสุขภาพ ดึงคนออม เผยธุรกิจประกันชีวิตยังโตได้อีก เหตุคนเริ่มเห็นความสำคัญมากขึ้น พร้อมเสนอเพิ่มค่าลดหย่อนประกันบำเหน็จบำนาญให้กับผู้สูงอายุช่วยรัฐลดภาระด้านการคลังดูแลคนชรา
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมประกันชีวิตไทยได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณานำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกับเบี้ยประกันชีวิต เพื่อดึงดูดให้มีผู้หันมาทำประกันด้านสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเหมือนกับการประกันภัยด้านการออม และสามารถนำเบี้ยประกันไม่เกิน 100,000 บาท ไปหักลดหย่อนภาษี ขณะที่ประกันด้านสุขภาพหักค่าลดหย่อนไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อดึงดูดให้คนไทยเข้าสู่ระบบการออมระยะยาว เนื่องจากไทยกำลังจะก้าวสู่สังคมคนชรามากขึ้น โดยขณะนี้กรมสรรพากรและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังศึกษารายละเอียด คาดว่าจะสรุปแนวทางได้ไม่เกินสิ้นปีนี้
“ธุรกิจประกันภัยของไทยยังเติบโตได้ดี จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยกระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายที่จะให้มีผู้ทำประกันชีวิตในระบบการออมเพิ่มขึ้น 50% จากจำนวนประชากรปัจจุบัน หรือเพิ่มอีก 30 ล้านคน”
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า นอกจากการเสนอหักลดหย่อนภาษีด้านสุขภาพแล้ว กำลังเสนอการลดหย่อนภาษีสำหรับการทำประกันบำเหน็จบำนาญให้กับผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการดูแลคนชรา และส่งเสริมให้คนไทยหันมาทำประกันมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่าค่าลดหย่อนอาจจะมากกว่าการประกันชีวิตด้านการออม เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีเงินใช้จ่ายยามเกษียณอายุแ ละเป็นเครื่องมือในการลดภาระ การชดเชยจากรัฐบาลโดยหันมาใช้ภาคเอกชนเป็นเครื่องมือในการดูแลอีกด้าน
โดยในปี 52 นี้ คาดว่าธุรกิจประกันชีวิตน่าจะขยายตัวได้ 20% จากช่วงที่ผ่านมามีสัดส่วนการทำประกันชีวิตเพียง 13% ของประชากร เพื่อให้มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 25% ของประชากร เนื่องจากประชาชนเริ่มมีความรู้ความเข้าใจ และเห็นความสำคัญในการทำประกันชีวิตมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตเตรียมเข้าสู่ข้อกำหนดมาตรฐานเกณฑ์ดำรงเงินกองทุนใหม่ 2011 ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อกำหนดให้ธุรกิจประกันภัยดำรงเงินกองทุนให้เหมาะสม รวมถึงการนำเงินจากเบี้ยประกันของประชาชนไปลงทุนผ่านทรัพย์สินประเภทต่างๆ ทั้งตลาดเงินตลาดทุน เพื่อให้เวลาการดึงเบี้ยประกัน และเวลาการลงทุนสอดคล้องกัน ทำให้ธุรกิจประกันชีวิตมีความมั่นคงเป็นที่เชื่อมั่นของผู้ทำประกันภัยด้วย
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมประกันชีวิตไทยได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณานำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกับเบี้ยประกันชีวิต เพื่อดึงดูดให้มีผู้หันมาทำประกันด้านสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเหมือนกับการประกันภัยด้านการออม และสามารถนำเบี้ยประกันไม่เกิน 100,000 บาท ไปหักลดหย่อนภาษี ขณะที่ประกันด้านสุขภาพหักค่าลดหย่อนไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อดึงดูดให้คนไทยเข้าสู่ระบบการออมระยะยาว เนื่องจากไทยกำลังจะก้าวสู่สังคมคนชรามากขึ้น โดยขณะนี้กรมสรรพากรและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังศึกษารายละเอียด คาดว่าจะสรุปแนวทางได้ไม่เกินสิ้นปีนี้
“ธุรกิจประกันภัยของไทยยังเติบโตได้ดี จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยกระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายที่จะให้มีผู้ทำประกันชีวิตในระบบการออมเพิ่มขึ้น 50% จากจำนวนประชากรปัจจุบัน หรือเพิ่มอีก 30 ล้านคน”
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า นอกจากการเสนอหักลดหย่อนภาษีด้านสุขภาพแล้ว กำลังเสนอการลดหย่อนภาษีสำหรับการทำประกันบำเหน็จบำนาญให้กับผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการดูแลคนชรา และส่งเสริมให้คนไทยหันมาทำประกันมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่าค่าลดหย่อนอาจจะมากกว่าการประกันชีวิตด้านการออม เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีเงินใช้จ่ายยามเกษียณอายุแ ละเป็นเครื่องมือในการลดภาระ การชดเชยจากรัฐบาลโดยหันมาใช้ภาคเอกชนเป็นเครื่องมือในการดูแลอีกด้าน
โดยในปี 52 นี้ คาดว่าธุรกิจประกันชีวิตน่าจะขยายตัวได้ 20% จากช่วงที่ผ่านมามีสัดส่วนการทำประกันชีวิตเพียง 13% ของประชากร เพื่อให้มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 25% ของประชากร เนื่องจากประชาชนเริ่มมีความรู้ความเข้าใจ และเห็นความสำคัญในการทำประกันชีวิตมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจประกันชีวิตเตรียมเข้าสู่ข้อกำหนดมาตรฐานเกณฑ์ดำรงเงินกองทุนใหม่ 2011 ตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อกำหนดให้ธุรกิจประกันภัยดำรงเงินกองทุนให้เหมาะสม รวมถึงการนำเงินจากเบี้ยประกันของประชาชนไปลงทุนผ่านทรัพย์สินประเภทต่างๆ ทั้งตลาดเงินตลาดทุน เพื่อให้เวลาการดึงเบี้ยประกัน และเวลาการลงทุนสอดคล้องกัน ทำให้ธุรกิจประกันชีวิตมีความมั่นคงเป็นที่เชื่อมั่นของผู้ทำประกันภัยด้วย
