ปี52 มาร์เกตแคปตลาดหุ้นไทยโตเพิ่ม 2.2 ล้านล้านบาท ดันภาพรวมใกล้แตะ 6 ล้านล้านบาท ทั้งปีดัชนีโต 280 จุด หรือ 62% แต่ดัชนีหุ้นวานนี้ยังเงียบเหงา บวกเพิ่มแค่ 3.30 จุด ด้านสงครามค่าคอมมิชชั่นยังไร้ข้อยุติ เมื่อบล.นครหลวงไทย ยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยกเลิก ส่วน“ฟิลลิป”ลั่นพร้อมดั๊มพ์ลง0%เท่ากัน ขณะที่สมาคมบล.เตรียมเรียกประชุมสมาชิก ร้ายแรงสุดคือตัดหาง
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (28 ธ.ค.) ยังเงียบเหงาต่อเนื่องมาจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยปิดที่ระดับ 733.71 จุด เพิ่มขึ้น 3.30 จุด หรือ 0.45% มูลค่าการซื้อขาย 7,129 ล้านบาท โดยรวมยังเป็นปัจจัยเชิงบวกจากความคืบหน้ากรณีมาบตาพุด ที่หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ ระดับ 733.71 จุด และต่ำสุดที่ 729.65 จุด
**มาร์เกตแคปโตเพิ่ม2.27 ล้านล.
ขณะเดียวกัน ด้านตลาดหลักทรัพแห่งประเทศไทย(ตลท.) แจ้งว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ปี2552 (2 ม.ค.-25 ธ.ค.52) เพิ่มขึ้น 2,272,113.22 ล้านบาท หรือ 63.67% โดย ณ วันที่ 25 ธ.ค.52 มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 5,840,336.70 ล้านบาท เทียบกับปีวันที่ 30 ธ.ค.51 มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 3,568,223.48 ล้านบาท ส่วนมาร์เก็ตแคปของ mai ปีนี้(2 ม.ค.-25 ธ.ค.52) มาร์เก็ตแคปของ mai อยู่ที่ 39,013.41 ล้านบาท เทียบกับปีวันที่ 30 ธ.ค.51 มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 22,152.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,860.55 ล้านบาท หรือ 76.11%
ส่วนความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยปี52 (2ม.ค.-25 ธค.52) พบว่า วันที่ 30 ธ.ค.51 ปิดที่ระดับ 449.96 จุด เปรียบเทียบกับ ดัชนีฯ วันที่ 25 ธ.ค.52 ปิดที่ระดับ 730.41 จุด เพิ่มขึ้น 280.45 จุด หรือ 62.33%
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ค่อนข้างเงียบเหงาต่อเนื่อง เพราะสัปดาห์นี้เปิดทำการแค่ 3 วัน วอลุ่มไม่ได้กลับมามากอีกทั้งบางตลาดยังปิดทำการอยู่ แต่ส่วนใหญ่อยู่ในปัจจัยเชิงบวก ภายในเรื่องของมาบตาพุดที่มีความคืบหน้าขึ้น ซึ่งหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างดีและนำตลาด สำหรับแนวโน้มวันนี้(29ธ.ค.)มองว่าจนถึงปลายปีน่าจะยังคงอยู่ใน sentiment เชิงบวก เรื่องแรงซื้อกองทุน การทำราคาปิดบัญชี รวมถึงมาบตาพุดน่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนได้ค่อนข้างดี
**นครหลวงไทยลั่นคอมฯ0%ตามเดิม
นายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)นครหลวงไทย เปิดเผยว่า บริษัทจะยังคงเดินหน้าการคิดค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ มูลค่าการซื้อขายที่เกิน 20 ล้านบาทต่อวันอัตราที่ 0% เนื่องจาก บริษัทได้มีการทำโฆษณาไปแล้วและมีลูกค้าเข้ามาเปิดบัญชีการซื้อขายกับบริษัทแล้ว และมองว่าบริษัทไม่ได้ทำผิดกฎของทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคมบล.) เพราะ ในเรื่องการกำหนดค่าคอมมิชชั่นส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท ให้คิดอัตราที่ 0.15% นั้น เป็นเพียงการหารือสมาชิกกลุ่มย่อยไม่ได้มีมติออกมาหรือเป็นประกาศของสมาคมฯ
ทั้งนี้จากการที่สมาคมได้มีการเรียกหารือในกลุ่มย่อยนั้นตัวแทนของบล.นครหลวงไทยก็ตอบว่าไม่เห็นด้วยที่จะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นที่ 0.15% จากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้มีการประกาศให้มีการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นมาแล้วล่วงหน้า 3 ปีแล้ว ซึ่งหากจะไม่ให้มีการแข่งขันราคาเกิดขึ้น ก็ควรให้ทางก.ล.ต.มีการกำหนดเป็นเกณฑ์ขึ้นมาว่าจะคิดอัตราขั้นต่ำที่อัตราเท่าไร
“ขณะนี้ทางสมาคมฯยังไม่ได้มีการติดต่อมาที่บริษัทในเรื่องการที่บริษัทจะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นที่0%ในส่วนมูลค่าการซื้อขายที่เกิน20 ล้านบาทต่อวัน และเราคงคิดค่าคอมมิชชั่นชั้นตามที่แถลงข่าวไปคงจะยกเลิกไม่ได้เพราะมีลูกค้ามาเปิดบัญชีกับทางบริษัทแล้ว และเราถือว่าไม่ได้ทำผิดระเบียบหรือมติของทางสมาคมฯ”นายวิบูลย์กล่าว
ด้านนายจงรัก ระรวยทรง กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคมโบรกเกอร์) กล่าวว่า หาก บล.นครหลวงไทยจะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นที่อัตรา 0%วอลุ่มที่เกิน20 ล้านบาทต่อวันนั้น ทางสมาคมฯจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่อเรียกประชุมบล.สมาชิกหารือเพื่อจะพิจารณาอย่างไรกับทางบล.นครหลวงไทยที่ไม่ปฎิบัติตามแนวทางที่สมาชิกส่วนใหญ่มีความเห็นร่วมที่จะไม่แข่งขันด้านราคา โดยจะคิดอัตราค่าคอมมิชชั่นที่0.15%วอลุ่มการซื้อขายที่เกิน20 ล้านบาทต่อวัน
สำหรับจากการที่บล.นครหลวงไทยไม่ปฏิบัติตามที่สมาชิกส่วนใหญ่มีความเห็นร่วมกันนั้น บริษัทหลักทรัพย์สมาชิกสามารถที่จะพิจารณาตัดสินว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจจะระงับสิทธิการเป็นของสมาคมฯหรือตัดบล.นครหลวงไทยออกจากการเป็นสมาชิกของสมาคมฯได้เลยหากบล.สมาชิกได้รับผลเสียหายจากการกระทำของบล.นครหลวงไทย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนั้นจะต้องเกิดขึ้นในต้นปีหน้าหากบล.นครหลวงไทยมีคิดค่าคอมมิชชั่นที่0%
ทั้งนี้กรรมการบริหารของสมาคมฯจะเข้าไปคุยกับบล.นครหลวงไทยก่อน จากที่บล.นครหลวงไทยมีการแถลงข่าวออกไปนั้นทำให้สมาชิกของสมาคมไม่พอใจ ซึ่งทางสมาคมฯจะมีการไปสอบถามคณะกรรมการบริหาร และธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นั้นเห็นชอบด้วยหรือไม่
นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากที่มีการประกาศเริ่มกลยุทธ์ด้านราคาโดยคิดค่าค่อมมิชชั่นที่ 0% สำหรับวงเงินซื้อขายในส่วนที่เกินจาก 20 ล้านบาทแรก ทำให้บริษัทต้องกลับมาพิจารณาและหากมีความจำเป็นก็พร้อมที่ใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อรักษาฐานลูกค้า สำหรับแนวทางในการพิจารณาจะพิจารณาเป็นรายกลุ่มลูกค้าหรือเป็นรายบุคคลที่มีปริมาณการซื้อขายผ่านบริษัทสม่ำเสมอก่อน
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (28 ธ.ค.) ยังเงียบเหงาต่อเนื่องมาจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยปิดที่ระดับ 733.71 จุด เพิ่มขึ้น 3.30 จุด หรือ 0.45% มูลค่าการซื้อขาย 7,129 ล้านบาท โดยรวมยังเป็นปัจจัยเชิงบวกจากความคืบหน้ากรณีมาบตาพุด ที่หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ ระดับ 733.71 จุด และต่ำสุดที่ 729.65 จุด
**มาร์เกตแคปโตเพิ่ม2.27 ล้านล.
ขณะเดียวกัน ด้านตลาดหลักทรัพแห่งประเทศไทย(ตลท.) แจ้งว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ปี2552 (2 ม.ค.-25 ธ.ค.52) เพิ่มขึ้น 2,272,113.22 ล้านบาท หรือ 63.67% โดย ณ วันที่ 25 ธ.ค.52 มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 5,840,336.70 ล้านบาท เทียบกับปีวันที่ 30 ธ.ค.51 มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 3,568,223.48 ล้านบาท ส่วนมาร์เก็ตแคปของ mai ปีนี้(2 ม.ค.-25 ธ.ค.52) มาร์เก็ตแคปของ mai อยู่ที่ 39,013.41 ล้านบาท เทียบกับปีวันที่ 30 ธ.ค.51 มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 22,152.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,860.55 ล้านบาท หรือ 76.11%
ส่วนความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยปี52 (2ม.ค.-25 ธค.52) พบว่า วันที่ 30 ธ.ค.51 ปิดที่ระดับ 449.96 จุด เปรียบเทียบกับ ดัชนีฯ วันที่ 25 ธ.ค.52 ปิดที่ระดับ 730.41 จุด เพิ่มขึ้น 280.45 จุด หรือ 62.33%
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ค่อนข้างเงียบเหงาต่อเนื่อง เพราะสัปดาห์นี้เปิดทำการแค่ 3 วัน วอลุ่มไม่ได้กลับมามากอีกทั้งบางตลาดยังปิดทำการอยู่ แต่ส่วนใหญ่อยู่ในปัจจัยเชิงบวก ภายในเรื่องของมาบตาพุดที่มีความคืบหน้าขึ้น ซึ่งหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างดีและนำตลาด สำหรับแนวโน้มวันนี้(29ธ.ค.)มองว่าจนถึงปลายปีน่าจะยังคงอยู่ใน sentiment เชิงบวก เรื่องแรงซื้อกองทุน การทำราคาปิดบัญชี รวมถึงมาบตาพุดน่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนได้ค่อนข้างดี
**นครหลวงไทยลั่นคอมฯ0%ตามเดิม
นายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)นครหลวงไทย เปิดเผยว่า บริษัทจะยังคงเดินหน้าการคิดค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ มูลค่าการซื้อขายที่เกิน 20 ล้านบาทต่อวันอัตราที่ 0% เนื่องจาก บริษัทได้มีการทำโฆษณาไปแล้วและมีลูกค้าเข้ามาเปิดบัญชีการซื้อขายกับบริษัทแล้ว และมองว่าบริษัทไม่ได้ทำผิดกฎของทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคมบล.) เพราะ ในเรื่องการกำหนดค่าคอมมิชชั่นส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท ให้คิดอัตราที่ 0.15% นั้น เป็นเพียงการหารือสมาชิกกลุ่มย่อยไม่ได้มีมติออกมาหรือเป็นประกาศของสมาคมฯ
ทั้งนี้จากการที่สมาคมได้มีการเรียกหารือในกลุ่มย่อยนั้นตัวแทนของบล.นครหลวงไทยก็ตอบว่าไม่เห็นด้วยที่จะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นที่ 0.15% จากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ได้มีการประกาศให้มีการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นมาแล้วล่วงหน้า 3 ปีแล้ว ซึ่งหากจะไม่ให้มีการแข่งขันราคาเกิดขึ้น ก็ควรให้ทางก.ล.ต.มีการกำหนดเป็นเกณฑ์ขึ้นมาว่าจะคิดอัตราขั้นต่ำที่อัตราเท่าไร
“ขณะนี้ทางสมาคมฯยังไม่ได้มีการติดต่อมาที่บริษัทในเรื่องการที่บริษัทจะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นที่0%ในส่วนมูลค่าการซื้อขายที่เกิน20 ล้านบาทต่อวัน และเราคงคิดค่าคอมมิชชั่นชั้นตามที่แถลงข่าวไปคงจะยกเลิกไม่ได้เพราะมีลูกค้ามาเปิดบัญชีกับทางบริษัทแล้ว และเราถือว่าไม่ได้ทำผิดระเบียบหรือมติของทางสมาคมฯ”นายวิบูลย์กล่าว
ด้านนายจงรัก ระรวยทรง กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคมโบรกเกอร์) กล่าวว่า หาก บล.นครหลวงไทยจะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นที่อัตรา 0%วอลุ่มที่เกิน20 ล้านบาทต่อวันนั้น ทางสมาคมฯจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่อเรียกประชุมบล.สมาชิกหารือเพื่อจะพิจารณาอย่างไรกับทางบล.นครหลวงไทยที่ไม่ปฎิบัติตามแนวทางที่สมาชิกส่วนใหญ่มีความเห็นร่วมที่จะไม่แข่งขันด้านราคา โดยจะคิดอัตราค่าคอมมิชชั่นที่0.15%วอลุ่มการซื้อขายที่เกิน20 ล้านบาทต่อวัน
สำหรับจากการที่บล.นครหลวงไทยไม่ปฏิบัติตามที่สมาชิกส่วนใหญ่มีความเห็นร่วมกันนั้น บริษัทหลักทรัพย์สมาชิกสามารถที่จะพิจารณาตัดสินว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจจะระงับสิทธิการเป็นของสมาคมฯหรือตัดบล.นครหลวงไทยออกจากการเป็นสมาชิกของสมาคมฯได้เลยหากบล.สมาชิกได้รับผลเสียหายจากการกระทำของบล.นครหลวงไทย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนั้นจะต้องเกิดขึ้นในต้นปีหน้าหากบล.นครหลวงไทยมีคิดค่าคอมมิชชั่นที่0%
ทั้งนี้กรรมการบริหารของสมาคมฯจะเข้าไปคุยกับบล.นครหลวงไทยก่อน จากที่บล.นครหลวงไทยมีการแถลงข่าวออกไปนั้นทำให้สมาชิกของสมาคมไม่พอใจ ซึ่งทางสมาคมฯจะมีการไปสอบถามคณะกรรมการบริหาร และธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นั้นเห็นชอบด้วยหรือไม่
นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากที่มีการประกาศเริ่มกลยุทธ์ด้านราคาโดยคิดค่าค่อมมิชชั่นที่ 0% สำหรับวงเงินซื้อขายในส่วนที่เกินจาก 20 ล้านบาทแรก ทำให้บริษัทต้องกลับมาพิจารณาและหากมีความจำเป็นก็พร้อมที่ใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อรักษาฐานลูกค้า สำหรับแนวทางในการพิจารณาจะพิจารณาเป็นรายกลุ่มลูกค้าหรือเป็นรายบุคคลที่มีปริมาณการซื้อขายผ่านบริษัทสม่ำเสมอก่อน
