"บีโอไอ" เผยยอดขอรับส่งเสริมลงทุน 11 เดือนแรกปี 52 มูลค่าลดลง 10.20% ส่วนเงินลงทุนลดลง 5.9% โดยมีญี่ปุ่นเข้ามามากที่สุด ส่วนประเภทธุรกิจที่มีการของส่งเสริมมากที่สุด ได้แก่ สาธารณูปโภค
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 11 เดือนของปีนี้ (มกราคม-พฤศจิกายน 2552) พบว่ามียอดรวม 1,039 ราย ลดลง 10.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 1,157 ราย ขณะที่เงินลงทุน 3.93 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินลงทุน 4.18 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 5.93%
ด้านเงินทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 6.76 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 7.31 หมื่นล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยทุนจดทะเบียนต่างชาติลดมาที่ 2.22 หมื่นล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 4.33 หมื่นล้านบาท แต่ทุนจดทะเบียนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 4.53 หมื่นล้านบาท จาก 2.98 หมื่นล้านบาท ขณะที่การจ้างงานลดลงถึง 31.82% โดยในช่วง ม.ค.-พ.ย.52 เหลือเพียง 124,732 คน จาก 164,417 คนในช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับประเทศที่ยื่นขอรับโครงการลงทุนสูงสุด คือ ญี่ปุ่น 227 ราย รองลงมาเป็น ยุโรป สิงคโปร์ อเมริกา ไต้หวัน และฮ่องกง ส่วนประเภทธุรกิจที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ ธุรกิจด้านบริการและสาธารณูปโภค 374 โครงการ รองลงมาคือ ธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง และธุรกิจเกษตรกรรม และผลผลิตจากการเกษตร แต่หากพิจารณาจากมูลค่าเงินลงทุนแล้ว พบว่า ธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค มีเงินลงทุนสูงสุด 2.3 แสนล้านบาท รองลงมา คือ ธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า และธุรกิจผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง
ขณะที่ยอดอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในช่วง 11 เดือนแรกปีนี้ มีทั้งสิ้น 905 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 1,134 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 2.6 แสนล้านบาท และมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3.97 หมื่นล้านบาท
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 11 เดือนของปีนี้ (มกราคม-พฤศจิกายน 2552) พบว่ามียอดรวม 1,039 ราย ลดลง 10.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 1,157 ราย ขณะที่เงินลงทุน 3.93 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินลงทุน 4.18 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 5.93%
ด้านเงินทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 6.76 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 7.31 หมื่นล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยทุนจดทะเบียนต่างชาติลดมาที่ 2.22 หมื่นล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 4.33 หมื่นล้านบาท แต่ทุนจดทะเบียนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 4.53 หมื่นล้านบาท จาก 2.98 หมื่นล้านบาท ขณะที่การจ้างงานลดลงถึง 31.82% โดยในช่วง ม.ค.-พ.ย.52 เหลือเพียง 124,732 คน จาก 164,417 คนในช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับประเทศที่ยื่นขอรับโครงการลงทุนสูงสุด คือ ญี่ปุ่น 227 ราย รองลงมาเป็น ยุโรป สิงคโปร์ อเมริกา ไต้หวัน และฮ่องกง ส่วนประเภทธุรกิจที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด คือ ธุรกิจด้านบริการและสาธารณูปโภค 374 โครงการ รองลงมาคือ ธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง และธุรกิจเกษตรกรรม และผลผลิตจากการเกษตร แต่หากพิจารณาจากมูลค่าเงินลงทุนแล้ว พบว่า ธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค มีเงินลงทุนสูงสุด 2.3 แสนล้านบาท รองลงมา คือ ธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า และธุรกิจผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง
ขณะที่ยอดอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในช่วง 11 เดือนแรกปีนี้ มีทั้งสิ้น 905 ราย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 1,134 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 2.6 แสนล้านบาท และมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 3.97 หมื่นล้านบาท