xs
xsm
sm
md
lg

ปี 53 รับสร้างบ้านแข่งเดือด ปทุมดีไชน์ชี้ปี 52 ตลาดวูบ 15-20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ปทุมดีไซน์” ชี้ตลาดรับสร้างบ้านปี 52 วูบ 15-20% เหตุแข่งเดือดสุดในรอบ 6 ปี บริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่ขยายสาขาต่างจังหวัด รายย่อยเลิกกิจการ คาดแนวโน้มครึ่งปีแรก 53 ชะลอและทะยอยปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ระบุผู้ประกอบการยังใชโปรโมชั่นและกลยุทธ์ด้านราคาแข่งขันดุเดือดขึ้น

ฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดี เฮ้าส์ สรุปภาพรวมปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2552 เติบโตในอัตรลดลงจากปีก่อน 15-20% ซึ่งเป็นผลพวงจากวิกฤติทางการเมืองของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2549 ประกอบกับวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยได้ส่งผลต่อการพัฒนาตลาดรวมรับสร้างบ้านตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน ทั้งนี้เพราะความเชื่อมั่นและกำลังซื้อหรือความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคหดตัว ทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กขนาดกลางที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้มียอดขายและรายได้ลดลงตาม

ในขณะที่ผู้ประกอบการในกลุ่มผู้นำตลาดใน 3 อันดับแรกเริ่มอาศัยความได้เปรียบในด้านเงินทุน การจัดการ ประสบการณ์และชื่อเสียงของแบรนด์ที่เหนือกว่า เพิ่มส่วนแบ่งตลาดจนเติบโตสวนทางภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านที่เติบโตแบบชะลอตัว ขณะที่อาศัยความได้เปรียบด้านการแข่งขัน ทำให้สามารถกำหนดราคาขายต่ำ ส่งผลกระทบต่อรายเล็กรายกลางไม่สามารถแข่งขันราคาได้

ทั้งนี้ ผลจากการที่ตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเติบโตลดลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่มุ่งขยายสาขายังพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อรักษาปริมาณและการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงมองหาและสร้างโอกาสเข้าสู่ตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ โดยทุกรายเลือกขยายสาขาในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงก่อน เพื่อทดสอบตลาดและง่ายต่อการบริหารจัดการ เช่น จังหวัดชลบุรี เป็นต้น ในขณะที่บริษัทปทุมดีไซน์ฯ หรือ ศูนย์รับสร้างบ้านพีดี เฮ้าส์ มีการขยายสาขาการบริการสร้างบ้านออกไปยังพื้นที่ในภูมิภาคไกลมากขึ้น ทั้งจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกฉียงเหนือ เช่น พิษณุโลก เชียงใหม่ อุดรธานี ฯลฯ และยังมีแผนขยายสาขาในพื้นที่ภาคใต้ในปี 2553 อีกด้วย

ดังนั้นเชื่อว่าในปีหน้าและอนาคต บริษัทขนาดใหญ่จะเป็นผู้กำหนดทิศทาง โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้และยอมรับของธุรกิจรับสร้างบ้านสู่ผู้บริโภคและประชาชนในวงกว้าง เพราะด้วยเงินทุน ระบบการจัดการ บุคลากร แนวคิดและวิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กรที่มองไกลและขับเคลื่อนได้อย่างเห็นผลชัดเจน โอกาสที่จะแชร์และครองส่วนแบ่งตลาดจึงเป็นไปได้สูง และยิ่งเพิ่มช่องว่างความได้เปรียบในการแข่งขันหนีกลุ่มที่เป็นรายเล็กและรายกลางมากขึ้น อย่างไรก็ดีผู้ประกอบการกลุ่มดังกล่าวยังมีโอกาสปรับตัวเองที่จะแข่งขันกับรายใหญ่หรือผู้นำตลาดได้ โดยอาจใช้วิธีการรวมกลุ่มหรือสร้างเครือข่าย เพื่อลดช่องว่างความเสียเปรียบในการแข่งขันลง

**แทรนด์คนกรุงสร้างบ้านตากอากาศ

จากผลการสำรวจความเห็นออนไลน์ผู้บริโภคที่มีความต้องสร้างบ้านใน 2-3 ปีข้างหน้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า กลุ่มตัวอย่างต้องการสร้างบ้านในจังหวัดที่มีสภาพบรรยากาศภูเขาและต้นไม้มากกว่าบรรยากาศทะเล โดยเลือกพื้นที่เขาใหญ่-อำเภอปากช่อง 66% เลือกพื้นที่หัวหิน 34% และเมื่อถามถึงเหตุผลที่ปลูกสร้างบ้านหลังใหม่เพื่อใคร พบว่าอันดับแรก ปลูกสร้างบ้านเพื่อพ่อและแม่ 35% อันดับ 2 เป็นบ้านหลังที่สอง 29% อันดับ 3 เพื่อลูก 23% และอันดับสุดท้าย เพื่อเป็นเรือนหอ 12% จากผลสำรวจความเห็นดังกล่าวมีนัยสำคัญคือ การเลือกปลูกสร้างบ้านหลังที่สองมีสัดส่วน 29% หากจะวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคและประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่าหันมานิยมเลือกซื้อและพักอาศัยคอนโดมิเนียมกลางใจเมืองมากขึ้น เพราะด้วยสภาพการจราจรในเมืองที่ติดขัดมาก รวมถึงที่ดินและบ้านเดี่ยวในเมืองราคาปรับตัวสูงขึ้นมาก จึงมีแนวโน้มและเป็นไปได้ว่า “บ้านหลังที่สอง” เพื่อการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของคนเมืองหลวงที่มีความต้องมากขึ้นในอนาคต

**คาดครึ่งปีแรก 53 ตลาดทรงตัว

ฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจ ชี้ว่าแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2553 ในช่วง 6 เดือนแรกยังไม่น่าจะฟื้นตัวรวดเร็วหรือแค่ทรงตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2552 โดยเห็นว่าความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยทางการเมืองเป็นเหตุผลหลัก อย่างไรก็ดีคาดว่าความต้องการสร้างบ้านน่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ภายใต้เงื่อนไขว่าไม่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้นอีก และผู้ประกอบการที่แข่งขันในธุรกิจนี้ไม่ทำลายความน่าเชื่อถือของผู้บริโภค โดยเฉพาะกรณีปัญหา “สร้างบ้านไม่ได้บ้าน”

นอกจากนี้ ยังคาดว่าโปรโมชั่นและการลดราคาจะยังเป็นกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการนำมาใช้แข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น โดยวิธีที่นิยมกันมากที่สุดคือ การตั้งราคาขายไว้สูงเกินจริงแล้วลดราคาลง 15-20% และ การยื่นข้อเสนอลดราคาโดยไม่บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ซึ่งแนวทางและวิธีดังกล่าวเป็นสิ่งที่บรรดาผู้ประกอบการควรไตร่ตรองให้รอบคอบว่าเป็นผลดีหรือผลเสียอย่างไรในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อทุกฝ่ายบอกว่าต้องการยกระดับภาพรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านให้เป็นที่ยอมรับของภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชนที่เกี่ยวข้อง ผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป ดังนั้นทุกฝ่ายจึงควรหันมาร่วมมือกันปฏิบัติให้ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเอง รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกับผู้รับเหมารายย่อยทั่วไปและมีความเป็นมืออาชีพที่แท้จริง

สำหรับราคาค่าก่อสร้างบ้านในกลุ่มบริษัทสร้างบ้านในปี 52 พบว่า 1.บ้านเดี่ยวตึกชั้นเดียว วัสดุคุณภาพปานกลาง 14,000-16,000 บาท/ตร.ม., วัสดุคุณภาพดี 16,000-18,500 บาท/ตร.ม. วัสดุคุณภาพดีมา 18,500 บาท/ตร.ม.ขึ้นไป 2.บ้านตึก 2-3 ชั้น วัสดุคุณภาพปานกลาง 12,800-14,000 บาท/ตร.ม., วัสดุคุณภาพดี 14,100-18,000 บาท/ตร.ม. และวัสดุคุณภาพดีมาก 18,100 บาท/ตร.ม. ขึ้นไป ทั้งนี้ราคาดังกล่าวรวมถึงค่าจ้างในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ค่าวิชาชีพ, ค่าบริหาร และควบคุมงานก่อสร้าง ค่าบริการก่อน-หลังการขาย ค่าใช้จ่ายติดต่องานส่วนราชการ ค่าะรรมเนียมขออนุญาต ค่าติดตั้งสาธารณูปโภค (ไฟฟ้า ประปา) และรับประกันคุณภาพ 1-3 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น