xs
xsm
sm
md
lg

อินเด็กซ์ชี้คนดูไบยังเดินห้าง พุ่งเป้าเปิดลิฟวิงมอลล์ที่อาบูดาบี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นครดูไบ
นักลงทุนหวั่น Domino Effect จากดูไบ เวิลด์ ส่งผลเกิดวิกฤตอีกระลอก ด้านดูไบมอลล์ เชื่อกระทบเฉพาะนักลงทุน เหตุคนเข้าห้างซื้อของเหมือนเดิมโวคนดูไบรายได้เยอะ เล็งเปิดสาขาอินเด็กซ์ที่อาบูดาบีแทน ด้านไรมอนแลนด์ยันไม่เกี่ยวข้องอิสทิมาร์ บริษัทลูกดูไบ เวิลด์ หลังไอเอฟเอ โฮเท็ลส์ฯดอดซื้อหุ้นกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 41.08% ส่วนโกลเดนท์แลนด์

ในช่วงที่สหรัฐอเมริกาประสบกับปัญหาวิกฤตทางการเงินจนลุกรามไปทั่วโลก ทำให้นักธุรกิจ ผู้ส่งออกต่างเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตหรือกลุ่มประเทศอาหรับที่มีบ่อน้ำมัน เพราะเชื่อว่าประเทศเหล่านี้รวยมหาศาล อีกทั้งนักลงทุนของประเทศเหล่านี้ยังเข้าไปลงทุนในธุรกิจต่างๆทั่วโลกรวมถึงไทย แต่สุดท้ายทั่วโลกต้องช็อกกับการประกาศขอเลื่อนการชำระหนี้ออกไปอีก 6 เดือนของบริษัท ดูไบ เวิลด์ ซึ่งลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของดูไบ รวมถึงลงทุนในต่างประเทศอีกด้วย โดยขณะนี้ดูไบ เวิลด์กำลังเริ่มต้นดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สินมูลค่า 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9 แสนล้านบาท

ข่าวดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก เพราะเกรงว่าจะซ้ำรอยเลห์ แมนบราเดอร์ส ที่อาจส่งผลกระทบกลายเป็น ไปทั่วสหรัฐอาหรับเอมิเรต (UAE) และอาจรุกลามเป็นวิกฤตเศรษฐกิจโลกระลอก ทั้งๆที่วิกฤตในปีที่ผ่านมายังไม่ทันได้จางหาย

สำหรับในเมืองไทยทุกคนพุ่งเป้าความสนใจไปที่บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นมาจาก UAE โดยเฉพาะบริษัทแม่ คือ ดูไบ เวิลด์ โดยเข้ามาลงทุนในนาม Istithmar Hotels FZE ซึ่งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของไทยมี 2 บริษัท คือ 1.บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RIMON โดย Istithmar Hotels FZE ถือหุ้นใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ในไรมอนแลนด์ 14.92% ณ วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 9 เมษายน 52

2. บริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD โดยลงทุนในรูปแบบร่วมทุน (Joint Venture) ในโครงการสาทร สแควร์ เพื่อพัฒนาโรงแรม W Hotels มูลค่ากว่า 4,300 ล้านบาท โดยอิสทิธมาร์ถือหุ้นในโครงการนี้ 80% หรือเม็ดเงินลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายสำนักประเมินว่า เพื่อเป็นการลดแรงกดดันของบริษัทแม่ มีความเป็นไปได้ที่เครืออิสทิธมาร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดูไบ เวิลด์ จะต้องมีการขายสินทรัพย์หรือหุ้นที่ถืออยู่ในเมืองไทย เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัทแม่

**ไรมอนแลนด์โต้ไม่เกี่ยวดูไบเวิลด์

ก่อนหน้านี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของไรมอนด์แลนด์ คือ เลห์แมนบราเดอร์ส ก็ประสบปัญหาด้านการเงิน จนทำให้แผนธุรกิจของไรมอนด์แลนด์สะดุด ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยระดับไฮเอ็น ซึ่งเป็นตลาดหลักของไรมอนด์ กระทั้งอิสทิธมาร์เข้ามาถือหุ้นต่อ

ด้านนายกิตติ ตั้งศรีวงศ์ ผู้อำนวยฝ่ายบริหารและการจัดการ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทฯ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากกรณีบริษัท ดูไบ เวิลด์ เพราะในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทไอเอฟเอ โฮเท็ลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ 3 จำกัด (IFA HR) ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในไรมอน แลนด์อีก 14.92% ทำให้ปัจจุบันได้ถือหุ้นใหญ่ อยู่ถึง 41.08% นอกจากนี้ IFA HR ยังเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในคูเวต เพียงแต่มีสำนักงานในดูไบและอีกหลายประเทศ บริษัทจึงขอให้มั่นใจได้ว่าโครงการของไรมอน แลนด์ ทุกแห่ง จะยังคงดำเนินการก่อสร้างต่อไปตามกำหนด

อนึ่งไอเอฟเอ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท (IFA Hotels & Resorts) เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เชี่ยวชาญเป็นพิเศษด้านโรงแรมแบบบูรณาการมิกซ์ยูส รวมทั้งโครงการรีสอร์ทท่องเที่ยวในภูมิภาคตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟริกา แถบมหาสมุทรอินเดีย เอเชีย และอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ยังมีอสังหาริมทรัพย์ทั้งโรงแรม รีสอร์ท และที่พักอาศัยที่มีชื่อเสียงในประเทศต่าง ๆ เพื่อการลงทุนทั่วโลก ซึ่งรวมถึงคลับกรรมสิทธิ์ยอชท์ คลับกรรมสิทธิ์เจ็ท คลับท่องเที่ยว และไพรเวท เรสซิเดนซ์ คลับ โดยพอร์ทฟอลิโอในปัจจุบันของ ไอเอฟเอ โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ประกอบด้วยโครงการรวมทั้งสิ้น 46 โครงการ ซึ่งมี 20 โครงการเป็นโรงแรม รวมจำนวนห้องพักกว่า 13,750 ยูนิต ใน 13 ประเทศ รวม 4 ทวีป

**แฟรนไชน์อินเด็กซ์หันลุยอาบูดาบีแทน

ด้านนายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด หนึ่งใน กลุ่มบริษัท บางกอก อินเตอร์เฟิร์น กล่าวว่า อินเด็กซ์ได้ขายแฟรนไชน์ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ให้แก่พันธมิตร EMAAR GROUP เจ้าของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ดูไบมอลล์ ซึ่งไม่ได้เป็นการเข้าไปลงทุนเอง อย่างไรก็ตาม Domino Effect GROUP ยอมรับว่าได้รับผลกระทบในแง่ของความเชื่อมั่นบ้าง โดยเฉพาะนักลงทุน

แต่สำหรับการจับจ่ายใช้สอยของประชนไม่ได้รับผลกระทบ พิจารณาได้จากยอดผู้เข้ามาใช้บริการในดูใบมอลล์ และอินเด็กซ์ พบว่าไม่ได้ลดลง รวมถึงยอดการซื้อยังคงปกติ อาจเนื่องมาจากประชาชนในดูไบมีรายได้สูง นอกจากนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับดูไบเวิลด์ ถือเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากประชาชนทั่วไปทำให้ยังกล้าจับจ่ายใช้สอบปกติ

อย่างไรก็ตาม หากปัญหาที่เกิดขึ้นกับดูไบ เวิลด์ รุกลามเป็น Domino Effect ไปยังบริษัทอื่นๆ ในดูไบย่อมต้องส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้ต้องพิจารณาการขยายสาขาให้รอบครอบมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน แต่อย่างไรก็ดี EMAAR มีแผนที่จะเข้าไปลงทุนเปิดแฟรนด์ไชน์ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ที่อาบูดาบีเพิ่มเติม เพราะมีความเป็นไปได้ของการลงทุนมาก และเศรษฐกิจของอาบูดาบีดีกว่าดูไบมากเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น