xs
xsm
sm
md
lg

ผวามาบตาผุดแห่ทิ้งปตท.-ปูน กดหุ้นรูด! สั่ง5บจ.แจงผลกระทบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หุ้นไทยร่วงหนัก 16.50จุด หลังศาลปกครองสั่งระงับโครงการขนาดใหญ่ 65 โครงการในมาบตาพุด ฉุดนักลงทุนเทขายหุ้นในเครือปตท. และปูนซีเมนต์ไทยที่ได้รับผลกระทบร่วงกราว ด้านตลท.สั่ง 5 บจ.ที่เกี่ยวข้องเร่งชี้แจงผลกระทบต่อบริษัท โบรกฯคาดวันนี้ยังอยู่ในแดนลบต่อ โดยต้องรอลุ้นปัจจัยภายนอกประเทศ ช่วยดึงดัชนีขึ้น

ตลาดหุ้นไทย 2 ธ.ค. ผันผวนหนักโดยเฉพาะช่วงบ่าย ซึ่งปิดตลาดที่ระดับ 693.51 จุด ลดลง 16.50 จุด หรือ 2.32% มูลค่าการซื้อขาย 28,708 ล้านบาท ขณะที่ระหว่างปรับตัวสูงสุด713.00 จุด และต่ำสุด 693.51 จุด ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลง ประเด็นหลักมาจากเรื่องของมาบตาพุดที่ศาลปกครองประกาศ 11 โครงการทำต่อได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นโครงการเล็กๆ ส่วนโครงการหลักของ SCC และ PTT ถูกระงับทั้งหมดจึงมีแรงขายออกมา

โดย 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดได้แก่ PTTมูลค่าการซื้อขาย 4,088.78 ล้านบาท ปิดที่ 225.00 บาท ลดลง 12.00 บาท TCAP มูลค่าการซื้อขาย 2,233.92 ล้านบาท ปิดที่ 22.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,175.38 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 6.50 บาท SCC มูลค่าการซื้อขาย 2,165.27 ล้านบาท ปิดที่ 223.00 บาท ลดลง 12.00 บาท และ PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,790.00 ล้านบาท ปิดที่ 23.00 บาท ลดลง 0.90 บาท

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการให้บริษัทจดทะเบียน จำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย บมจ.ปตท หรือ PTT บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ. ปตท.เคมีคอล (PTTCH) บมจ.ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) และบมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) ซึ่งมีโครงการอยู่ใน 76 โครงการที่ศาลปกครองกลางสั่งระงับโครงการลงทุน ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ให้ชี้แจงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีการอ่านคำพิพากษา เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลที่ชัดเจนในการประกอบการตัดสินใจในการลงทุน

ทั้งนี้ประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯให้บจ.แต่ละแห่ง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการ 76 โครงการชี้แจงนั้น คือ โดยให้อธิบายคำสั่งของศาลฯที่ออกมานั้นกระทบกับบริษัทอย่างไร มีโครงการไหนที่ได้รับอนุมัติให้สามารถลงทุนต่อ ได้ จากที่ศาลฯอนุมัติให้ลงทุนได้ 11 โครงการ และโครงการไหนที่ยังถูกระงับการลงทุนต่อไป และผล กระทบที่เกิดขึ้นจะมีผลอย่างไร และให้แจ้งมูลค่าโครงการที่ยังคงถูกสั่งระงับการลงทุน โดยคาดว่าในช่วงเย็นวานนี้(2 ธ.ค.)จะมีบจ.บางส่วนชี้แจง และอีกส่วนจะใช้แจงในวันนี้ (3 ธ.ค.)

สำหรับโครงการที่ยังคงถูกระงับในการลงทุนต่อนั้น เชื่อว่าคณะกรรมการ4 ฝ่ายจะเร่งดำเนนิการหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็ว และทางรัฐบาลพยามที่จะแก้ไขปัญหา ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีอนุมัติในเรื่องการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยส่วนตัวอยากให้ทุกฝ่ายมีการคิดร่วมกันในการแก้ปัญหาเพราะ โครงการที่หยุดชะลอออกไปนั้นกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ การจ้างงาน โดยอยากให้ทุกฝ่ายมองถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

นางภัทรียา กล่าวว่า ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ ก็มีความผันผวนจากนักลงทุนที่ยังกังวลกับการตัดสินของศาล ซึ่งหลังจากที่ศาลมีคำตัดสินนั้นมองว่านักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างประเทศยังคงมีความกังวลอยู่จากที่ยังรอข้อมูลที่ชัดเจนว่าแต่ละบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น จะมีผลกระทบอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า แต่ละบริษัทจะมีมูลค่าโครงการที่กระทบเท่าไร ต้องรอให้แต่ละบริษัทชี้แจงแต่จากการที่มีการประกาศในช่วงก่อนหน้านี้ 76 โครงการนั้น มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 3-4 แสนล้านบาท

นายคมสันต์ ปรมาภูติ รองผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้(2ธ.ค.)ประเด็นหลักเป็นเรื่องมาบตาพุด ที่โครงการหลักๆของPTT และSCC ถูกระงับทั้งหมดจึงมีแรงขายออกมา ซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคือ ความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็หมดไป ส่วนข้อเสียคือภาพของการลงทุนในอนาคตในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ เรื่องของการลงทุนโดยตรง เรื่องการสร้างโครงการต่างๆ ก็อาจจะถูกมองภาพค่อนข้างลบต่อประเทศไทยพอสมควร เพราะต้องรอในเรื่องของมาตรการสิ่งแวดล้อมต่างๆของรัฐบาลให้มีความชัดเจนไม่เช่นนั้นโครงการที่จะมีการลงทุนในอนาคตก็จะถูกชะลอไปหมด

สำหรับแนวโน้มวันที่ 3 ธ.ค.ประเมินว่า sentiment ของตลาดอาจจะยังมีในเชิงลบบ้าง แต่การแกว่งตัวต้องดูตลาดต่างประเทศไปก่อนถ้าตลาดต่างประเทศยังมีแนวโน้มที่ไปต่อได้ คิดว่าตลาดหุ้นบ้านเราก็คงจะปรับตัวขึ้นได้เพราะถือว่าเรื่องมาบตาพุดจบแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น