ตลท.แจงผลดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 52 บจ.มีกำไรสุทธิ 3.24 แสนล้านบาท ลดลง 17% เมื่อเทียบปีก่อน โดยส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต ศก.และภาวะซบเซา
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 โดยระบุว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจำนวน 466 บริษัท จาก 500 บริษัท (รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 25 กองทุน) มีกำไรสุทธิรวม 323,938 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 17% บริษัทที่มีกำไรสุทธิมีจำนวน 353 บริษัท และขาดทุนสุทธิ 113 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน 76 ต่อ 24
สำหรับผลการดำเนินงานโดยรวมเฉพาะงวดไตรมาส 3 ปี 2552 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกำไรสุทธิ 115,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 24%
นางภัทรียา กล่าวว่า หากพิจารณาผลประกอบการโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รายไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ถึงไตรมาส 3 ปี 2552 พบมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับยอดขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน แสดงถึงความแข็งแกร่ง และศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนที่ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับบริษัทในกลุ่ม SET 100 ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2552 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 97,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และในงวด 9 เดือนแรกปี 52 มีกำไรสุทธิรวม 287,557 ล้านบาท คิดเป็น 89% ของกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลง 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ยอดขายลดลง 24% ขณะที่ต้นทุนขายลดลง 27% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 17% เป็น 20%
สำหรับบริษัทที่มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติในงวด 9 เดือนแรกของปี 2552 สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group) ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (Non-Compliance: NC) และบริษัทในกลุ่มที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non-Performing Group: NPG) จำนวน 448 บริษัท มีกำไรสุทธิงวด 9 เดือน รวม 323,414 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 17% ส่วนผลประกอบการเฉพาะไตรมาส 3 ปี 2552 มีกำไรสุทธิรวม 114,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 23% โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่มีกำไรสูงสุด คือ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน เรียงตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิสูงสุด ดังนี้ กลุ่มทรัพยากร ประกอบด้วย หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดเหมืองแร่ มีกำไรสุทธิ 129,191 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 16% สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 40,038 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 75%
กลุ่มธุรกิจการเงิน มีกำไรสุทธิ 76,083 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 4% สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 มีกำไรสุทธิ 28,391 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10%, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง มีกำไรสุทธิ 46,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3% สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 17,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%
กลุ่มเทคโนโลยี มีกำไรสุทธิ 30,146 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 18% สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 10,354 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5%, กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร มีกำไรสุทธิ 21,147 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 32% สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 8,653 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 48%
กลุ่มบริการ มีกำไรสุทธิ 17,091 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 7% สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 2,596 ล้านบาท หรือลดลง 65%, กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบ มีกำไรสุทธิ 3,642 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12% สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,344 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3%
กลุ่มวัตถุดิบสินค้าอุตสาหกรรม ขาดทุนสุทธิ 405 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38,159 ล้านบาท สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3ปี 2552 เปรียบเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 5,147 ล้านบาท หรือลดลง 25%