ไทยออยล์สบช่องเป็นหัวหอกป้อนเอทานอลให้ปตท . เผยเตรียมลงทุนตั้งโรงเอทานอลเพิ่ม โดยรอตัวเลขปริมาณการรับซื้อเอทานอลที่แน่นอนจากปตท.ก่อนเบื้องต้นอย่างน้อย 5 แสนลิตร/วัน คาดว่าได้ข้อสรุปต้นปีหน้า แย้มสนใจการลงทุนพลังงานลมและแสงแดด
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนจะลงทุนโครงการผลิตเอทานอลเพิ่ม เพื่อป้อนให้กับบริษัทแม่ คือปตท.ในฐานะที่ไทยออยล์จะเป็นผู้นำด้านการจัดหาเอทานอลให้กับเครือปตท. ซึ่งขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างหารือตัวเลขการรับซื้อเอทานอลที่แน่นอนของปตท. หลังจากนั้นจะดำเนินการจัดหาวัตถุดิบและเทคโนโลยีต่อไป คาดว่าจะข้อสรุปปริมาณการรับซื้อเอทานอลทั้งหมดของปตท.ในต้นปีหน้า
ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการใช้เอทานอลอยู่ที่ 1.7-1.8 ล้านลิตร/วัน โดยคิดเป็นสัดส่วนของปตท.อยู่ที่ 30%หรือประมาณ 7-8 แสนลิตร/วัน ซึ่งตัวเลขที่ไทยออยล์ต้องการให้ปตท.รับซื้อเอทานอลอย่างน้อย 5 แสนลิตร/วัน ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมในการลงทุน ขณะเดียวกัน ราคาเอทานอลที่ขายให้กับปตท.จะต้องแข่งขันกับคู่แข่งได้ด้วย
“ โครงการลงทุนเอทานอลขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ โดยเอทานอลถือเป็นส่วนหนึ่งของเชื้อเพลิงที่กระทรวงพลังงานให้การสนับสนุนให้มีการใช้แก๊ซโซฮอล์ที่มีส่วนผสมของเอทานอล ซึ่งความต้องการใช้เอทานอลจะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับนโยบายว่ารัฐว่าจะมีการยกเลิกเบนซิน 91 และส่งเสริมE85 หรือไม่ ทั้งนี้ไทยออยล์จะเป็นหัวหอกในการป้อนเอทานอลให้กับปตท. ขณะที่ปตท.เคมิคอล จะเป็นหัวหอกด้านไบโอดีเซล ซึ่งถือเป็นการSynergyภายในกลุ่มปตท. เพื่อเอื้อต่อกันและกัน ไม่ใช่แข่งขันกัน”
นายสุรงค์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการเอทานอลหลายรายต้องการให้ไทยออยล์เข้าไปลงทุนโครงการผลิตเอทานอล แต่ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ว่าบริษัทฯจะลงทุนเองหรือจะซื้อกิจการโครงการผลิตเอทานอลที่มีอยู่แล้ว คงต้องรอปริมาณความต้องการใช้ที่แน่นอนจากปตท.ก่อน ส่วนแหล่งเงินทุนนั้นไม่มีปัญหา เพราะไทยออยล์มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและปีหน้าก็ไม่มีแผนการใช้เงินมากนัก เนื่องจากไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังสนใจที่จะลงทุนด้านพลังงานทดแทน เช่น พลังงานลมและแสงอาทิตย์ เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และผลตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสมด้วย เพียงแต่ช่วงเวลานี้กระแสต่อต้านจากองค์กรภาคประชาชนแรง ทำให้โครงการโรงไฟฟ้าหลายโครงการยังถูกต่อต้าน ดังนั้นการลงทุนดังกล่าวคงต้องอาศัยจังหวะที่เหมาะสม
ส่วนความคืบหน้าในการจัดซื้อกองเรือเพิ่มเติมเพื่อลดต้นทุนการขนส่งในเครือปตท.ว่า ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ เพราะขณะนี้สถานการณ์ราคาเรือยังไม่นิ่ง มีแนวโน้มลดลงมาอีก คงต้องการให้ตลาดต่ำสุดเสียก่อนค่อยตัดสินใจ
ก่อนหน้านี้ไทยออยล์ได้เข้าไปร่วมทุนโครงการผลิตเอทานอลในนามบริษัท แม่สอดพลังงานสะอาด เงินลงทุนรวม 1,500 ล้านบาทโดยมีกำลังการผลิตเอทานอลเฟสแรก 1 แสนลิตร/วันในปีนี้ และเฟส 2 จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนลิตร/วันในปี 2554-2555 สัดส่วนการถือหุ้นของโครงการผลิตเอทานอลของบริษัทแม่สอดพลังงานสะอาด ประกอบด้วย บริษัท ผาแดงฯร้อยละ 35, บริษัทเพโทร กรีน ในเครือน้ำตาลมิตรผล ร้อยละ 35% และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 30 ซึ่งปัจจุบันแม่สอดพลังงานสะอาดเป็นผู้ทำตลาด โดยไทยออยล์ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำตลาด
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนจะลงทุนโครงการผลิตเอทานอลเพิ่ม เพื่อป้อนให้กับบริษัทแม่ คือปตท.ในฐานะที่ไทยออยล์จะเป็นผู้นำด้านการจัดหาเอทานอลให้กับเครือปตท. ซึ่งขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างหารือตัวเลขการรับซื้อเอทานอลที่แน่นอนของปตท. หลังจากนั้นจะดำเนินการจัดหาวัตถุดิบและเทคโนโลยีต่อไป คาดว่าจะข้อสรุปปริมาณการรับซื้อเอทานอลทั้งหมดของปตท.ในต้นปีหน้า
ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการใช้เอทานอลอยู่ที่ 1.7-1.8 ล้านลิตร/วัน โดยคิดเป็นสัดส่วนของปตท.อยู่ที่ 30%หรือประมาณ 7-8 แสนลิตร/วัน ซึ่งตัวเลขที่ไทยออยล์ต้องการให้ปตท.รับซื้อเอทานอลอย่างน้อย 5 แสนลิตร/วัน ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมในการลงทุน ขณะเดียวกัน ราคาเอทานอลที่ขายให้กับปตท.จะต้องแข่งขันกับคู่แข่งได้ด้วย
“ โครงการลงทุนเอทานอลขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาอยู่ โดยเอทานอลถือเป็นส่วนหนึ่งของเชื้อเพลิงที่กระทรวงพลังงานให้การสนับสนุนให้มีการใช้แก๊ซโซฮอล์ที่มีส่วนผสมของเอทานอล ซึ่งความต้องการใช้เอทานอลจะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับนโยบายว่ารัฐว่าจะมีการยกเลิกเบนซิน 91 และส่งเสริมE85 หรือไม่ ทั้งนี้ไทยออยล์จะเป็นหัวหอกในการป้อนเอทานอลให้กับปตท. ขณะที่ปตท.เคมิคอล จะเป็นหัวหอกด้านไบโอดีเซล ซึ่งถือเป็นการSynergyภายในกลุ่มปตท. เพื่อเอื้อต่อกันและกัน ไม่ใช่แข่งขันกัน”
นายสุรงค์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการเอทานอลหลายรายต้องการให้ไทยออยล์เข้าไปลงทุนโครงการผลิตเอทานอล แต่ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ว่าบริษัทฯจะลงทุนเองหรือจะซื้อกิจการโครงการผลิตเอทานอลที่มีอยู่แล้ว คงต้องรอปริมาณความต้องการใช้ที่แน่นอนจากปตท.ก่อน ส่วนแหล่งเงินทุนนั้นไม่มีปัญหา เพราะไทยออยล์มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและปีหน้าก็ไม่มีแผนการใช้เงินมากนัก เนื่องจากไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ไทยออยล์ยังสนใจที่จะลงทุนด้านพลังงานทดแทน เช่น พลังงานลมและแสงอาทิตย์ เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) และผลตอบแทนการลงทุนที่เหมาะสมด้วย เพียงแต่ช่วงเวลานี้กระแสต่อต้านจากองค์กรภาคประชาชนแรง ทำให้โครงการโรงไฟฟ้าหลายโครงการยังถูกต่อต้าน ดังนั้นการลงทุนดังกล่าวคงต้องอาศัยจังหวะที่เหมาะสม
ส่วนความคืบหน้าในการจัดซื้อกองเรือเพิ่มเติมเพื่อลดต้นทุนการขนส่งในเครือปตท.ว่า ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ เพราะขณะนี้สถานการณ์ราคาเรือยังไม่นิ่ง มีแนวโน้มลดลงมาอีก คงต้องการให้ตลาดต่ำสุดเสียก่อนค่อยตัดสินใจ
ก่อนหน้านี้ไทยออยล์ได้เข้าไปร่วมทุนโครงการผลิตเอทานอลในนามบริษัท แม่สอดพลังงานสะอาด เงินลงทุนรวม 1,500 ล้านบาทโดยมีกำลังการผลิตเอทานอลเฟสแรก 1 แสนลิตร/วันในปีนี้ และเฟส 2 จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนลิตร/วันในปี 2554-2555 สัดส่วนการถือหุ้นของโครงการผลิตเอทานอลของบริษัทแม่สอดพลังงานสะอาด ประกอบด้วย บริษัท ผาแดงฯร้อยละ 35, บริษัทเพโทร กรีน ในเครือน้ำตาลมิตรผล ร้อยละ 35% และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 30 ซึ่งปัจจุบันแม่สอดพลังงานสะอาดเป็นผู้ทำตลาด โดยไทยออยล์ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำตลาด
