บลจ.ไทยพาณิชย์ ตั้งเป้าสิ้นปี 53 AUM ทะลุ 4 เเสนล้าน เตรียมส่งกองทุนหุ้นกู้ ชูจุดเด่นให้ยิลด์ตามขั้นบันได ขายหน่วยลงทุนเเล้วตั้งเเต่วันนี้ถึง 17 พย.นี้ พร้อมส่งกองทุน"ไทยพาณิชย์ไชน่าอิควิตี้" เปิดขายตั้งเเต่วันที่ 16-23 พย.นี้
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) รวมทุกธุรกิจประมาณ 480,000 ล้านบาท แต่ในส่วนของธุรกิจกองทุนรวมถือเป็นธุรกิจที่ในปีนี้เติบโตได้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้เดิมประมาณ 360,000 ล้านบาท นั้น ปัจจุบันมีสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 396,000 ล้านบาทซึ่งสิ้นปีนี้ตัวเลขดังกล่าวน่าจะทะลุ 400,000 ล้านบาท แน่นอนซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม โดยระหว่างวันที่ 10-17 พ.ย. 2552 นี้บริษัทกำลังเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกู้ มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 5 ปี 6 เดือนให้ผลตอบแทนในลักษณะของขั้นบันไดเพื่อไม่ให้ผู้ลงทุนได้รับผลกระทบในช่วงที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยที่ให้ในปีที่1-2 อยู่ที่ 3% ปีที่ 3-4 ให้ 4% และปีที่5-6 ให้ 5% และ 6% ตามลำดับ
โดยหุ้นกู้ที่กองทุนจะลงทุนนั้นมีอันดับเครดิต A และ A+ ซึ่งเป็นหุ้นกู้ของ 4 บริษัทชั้นนำของไทย ได้แก่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ และบจ.น้ำตาลมิตรผล และอาจพิจารณาลงทุนในหุ้นกู้ของบมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นด้วยกองทุนไทยพาณิชย์หุ้นกู้นี้ถือเป็นกองทุนตราสารหนี้เอกชนที่มีอายุยาวที่สุดของบริษัท โดยจะผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท เท่านั้น
นางโชติกา ยังกล่าวอีกว่า บริษัทยังได้เสนอขายกองทุนไทยพาณิชย์ไชน่าอิควิตี้ ระหว่างวันที่ 16-23 พ.ย. 2552 ด้วย ซึ่งเป็นกองทุนต่างประเทศที่มีนโยบายไปลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองเดียวซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีตลาดหุ้น H-Share
อย่างไรก็ตามกองทุนไทยพาณิชย์ไชน่าอิควิตี้นี้จะเสนอขายผ่านทางไพรเวทแบงกิ้งของบมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์และตัวแทนขายอื่นของบลจ.ไทยพาณิชย์เท่านั้น เพราะถือเป็นกองทุนที่ไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงที่ต่างไปจากกองทุนพันธบัตรรัฐบาลทั่วไปที่ความเสี่ยงต่ำ
ซึ่งนักลงทุนที่สนใจจำเป้นที่จะต้องรับทราบข้อมูลรายละเอียดของกองทุนที่เพียงพอจึงไม่ได้เสนอขายผ่านสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วไปเหมือนกองทุนปกติ ดังนั้นนักลงทุนที่สนใจต้องสอบถามไปยังฝ่ายไพรเวทแบงกิ้งของธนาคารไทยพาณิชย์หรือตัวแทนขายอื่นเท่านั้น โดยจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท เช่นเดียวกัน
“ปีนี้บริษัทมียอดออกกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศที่เป็นกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีไปแล้วประมาณ 122,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มที่จะทยอยออกอย่างต่อเนื่องเพราะผลตอบแทนสุทธิหลังปิดความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วก็ยังสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศซึ่งมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นได้เพียงเล็กน้อยจากสภาพคล่องที่ยังล้นระบบอยู่และในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะนำกองทุนไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้จัดทำเรทติ้งกองทุนโดยบจ.ฟิทช์ เรทติ้งด้วยเช่นเดียวกันเพื่อประโยชน์สุงสุดของลูกค้าและเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหน่วยที่ลงทุนอีกด้วย” นางโชติกา กล่าว
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) รวมทุกธุรกิจประมาณ 480,000 ล้านบาท แต่ในส่วนของธุรกิจกองทุนรวมถือเป็นธุรกิจที่ในปีนี้เติบโตได้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้เดิมประมาณ 360,000 ล้านบาท นั้น ปัจจุบันมีสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 396,000 ล้านบาทซึ่งสิ้นปีนี้ตัวเลขดังกล่าวน่าจะทะลุ 400,000 ล้านบาท แน่นอนซึ่งถือเป็นการเติบโตที่สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม โดยระหว่างวันที่ 10-17 พ.ย. 2552 นี้บริษัทกำลังเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกู้ มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 5 ปี 6 เดือนให้ผลตอบแทนในลักษณะของขั้นบันไดเพื่อไม่ให้ผู้ลงทุนได้รับผลกระทบในช่วงที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยที่ให้ในปีที่1-2 อยู่ที่ 3% ปีที่ 3-4 ให้ 4% และปีที่5-6 ให้ 5% และ 6% ตามลำดับ
โดยหุ้นกู้ที่กองทุนจะลงทุนนั้นมีอันดับเครดิต A และ A+ ซึ่งเป็นหุ้นกู้ของ 4 บริษัทชั้นนำของไทย ได้แก่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ และบจ.น้ำตาลมิตรผล และอาจพิจารณาลงทุนในหุ้นกู้ของบมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นด้วยกองทุนไทยพาณิชย์หุ้นกู้นี้ถือเป็นกองทุนตราสารหนี้เอกชนที่มีอายุยาวที่สุดของบริษัท โดยจะผู้ที่สนใจสามารถจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท เท่านั้น
นางโชติกา ยังกล่าวอีกว่า บริษัทยังได้เสนอขายกองทุนไทยพาณิชย์ไชน่าอิควิตี้ ระหว่างวันที่ 16-23 พ.ย. 2552 ด้วย ซึ่งเป็นกองทุนต่างประเทศที่มีนโยบายไปลงทุนในกองทุนหลักเพียงกองเดียวซึ่งเป็นกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีตลาดหุ้น H-Share
อย่างไรก็ตามกองทุนไทยพาณิชย์ไชน่าอิควิตี้นี้จะเสนอขายผ่านทางไพรเวทแบงกิ้งของบมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์และตัวแทนขายอื่นของบลจ.ไทยพาณิชย์เท่านั้น เพราะถือเป็นกองทุนที่ไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงที่ต่างไปจากกองทุนพันธบัตรรัฐบาลทั่วไปที่ความเสี่ยงต่ำ
ซึ่งนักลงทุนที่สนใจจำเป้นที่จะต้องรับทราบข้อมูลรายละเอียดของกองทุนที่เพียงพอจึงไม่ได้เสนอขายผ่านสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วไปเหมือนกองทุนปกติ ดังนั้นนักลงทุนที่สนใจต้องสอบถามไปยังฝ่ายไพรเวทแบงกิ้งของธนาคารไทยพาณิชย์หรือตัวแทนขายอื่นเท่านั้น โดยจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท เช่นเดียวกัน
“ปีนี้บริษัทมียอดออกกองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศที่เป็นกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีไปแล้วประมาณ 122,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มที่จะทยอยออกอย่างต่อเนื่องเพราะผลตอบแทนสุทธิหลังปิดความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วก็ยังสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในประเทศซึ่งมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นได้เพียงเล็กน้อยจากสภาพคล่องที่ยังล้นระบบอยู่และในปีหน้าบริษัทมีแผนที่จะนำกองทุนไทยพาณิชย์สะสมทรัพย์ตราสารหนี้จัดทำเรทติ้งกองทุนโดยบจ.ฟิทช์ เรทติ้งด้วยเช่นเดียวกันเพื่อประโยชน์สุงสุดของลูกค้าและเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหน่วยที่ลงทุนอีกด้วย” นางโชติกา กล่าว
