xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นพุ่ง20จุด!ลุ้นรับข่าวดีโครงการมาบตาพุดเดินหน้าต่อได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หุ้นไทยดีดแรง 20จุด หลังนักลงทุนเชื่อมั่นปัญหานิคมมาบตาพุดได้ข้อยุติวันนี้ เพราะคาดศาลปกครองอนุมัติทุกโครงการเดินหน้าต่อ หนุนแรงซื้อหุ้นกลุ่มปตท. - ปูนซีเมนต์ไทยดีดเพิ่ม แต่พบแรงซื้อสุทธิเกือบทั้งหมดมาจากกลุ่มสถาบัน และพอร์ตโบรกฯร่วม 2.6พันล้านบาท ขณะที่ต่างชาติซื้อเล็กน้อยแค่44 ล้าน นักวิเคราะห์เชื่อหากทุกอย่างฉลุย! ดัชนีมีโอกาสแตะ 720 จุด แนะนำรอฟังคำตัดสินก่อนตัดสินใจลงทุน

ตลาดหุ้นไทย 1 ธ.ค.52 ปิดที่ระดับ 710.01 จุด เพิ่มขึ้น 20.94 จุด หรือ 3.04% มูลค่าการซื้อขาย 24,065 ล้านบาท โดยระหว่างวันปรับตัวสูงสุด710.01จุด และต่ำสุดที่ 690.89จุด ซึ่งการปรับตัวของดัชนีวานนี้เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจต่อกรณีมาบตาพุด ว่าจะมีผลเชิงบวกต่อการลงทุน อีกทั้งเรื่องดังกล่าวยังถือว่าเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ จึงมีการไล่เก็บหุ้นใหญ่ที่เกี่ยวกับมาบตาพุดโดยตรงเช่น SCC กลุ่ม PTT ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง

ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างประเทศเริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจในดูไบ ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยที่มีผลในเชิงบวก ช่วยผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค

โดย 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่ PTTมูลค่าการซื้อขาย 2,447.45 ล้านบาท ปิดที่ 237.00 บาท เพิ่มขึ้น 13.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,164.59 ล้านบาท ปิดที่ 138.50 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,930.00 ล้านบาท ปิดที่ 23.90 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,292.35 ล้านบาท ปิดที่ 235.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท และ CPF มูลค่าการซื้อขาย 970.39 ล้านบาท ปิดที่ 10.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

ขณะที่แยกเป็นประเภทนักลงทุนพบว่า นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,635.22 ล้านบาท ส่วนการซื้อสุทธิล็ฮตใหญ่แบ่งออกได้เป็น สถาบัน ซื้อสุทธิ 1,153.37 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 1,437.46 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเพียง 44.38 ล้านบาท

สำหรับความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคพบว่า ดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ปรับตัวขึ้น 67.02 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ระดับ 7,649.23 จุด ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวพุ่งขึ้น 226.65 จุด หรือ 2.43% แตะที่ 9,572.20 จุด และดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกงบวก 291.65 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 22,113.15 จุด

นายรักพงศ์ ไชยสุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจัยหลักเรื่องเดียว คือ ประเด็นความคืบหน้ามาบตาพุดหลังศาลปกครองสูงสุด นัดฟังคำสั่งกรณีคำร้องอุทธรณ์คำสั่งระงับ 76 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดในวันที่ 2 ธ.ค. หลังจาก ก่อนหน้านี้นักลงทุนประเมินว่าจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณานานกว่านี้ และเข้าใจว่าศาลฯ ไม่ใช้เอกสารจากสมาคมต่อต้านโรคร้อน เนื่องจากพิจารณาแล้วว่าหลักฐานที่มีอยู่เพียงพอ

ดังนั้น เมื่อกรณีดังกล่าวมีความคลี่คลายขึ้น จึงมีแรงเก็งกำไรเข้ามามากในหุ้นกลุ่มพลังงานและปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่รวมกันมีขนาดประมาณ 25% หรือมากกว่านั้น โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นหนุนนำดัชนีให้ปรับตัวตาม

สำหรับแนวโน้มดัชนีในวันนี้ คาดว่าเปิดตลาดในช่วงเช้าการเคลื่อนไหวจะทรงตัวในแดนบวก แต่ต้องรอฟังคำอ่านผลพิพากษาในปัจจัยดังกล่าวเวลาประมาณ 13.30 น. ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม ดังนั้นในช่วงเช้าแนะนำให้ชะลอการลงทุนก่อนเพื่อรอคำตัดสินในช่วงบ่าย ทั้งนี้ประเมินแนวรับ 698-700 จุด แนวต้าน 715 จุด

ด้านนายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้บังคับบัญชาสายงานวิจัย บล.พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยภายในประเทศ โดยวันนี้ศาลปกครองสูงสุดจะนัดสรุปคำตัดสินปัญหาในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งเชื่อว่าจะออกมาในเชิงบวกและจะเป็นการปลดล็อคทั้ง 76 โครงการ ขณะเดียวกันยังได้รับแรงเสริมบรรยากาศการลงทุนจากปัจจัยภายนอกประเทศ จากกรณีที่นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลจากปัญหาการเลื่อนชำระหนี้ของบริษัทดูไบเวิลด์ ทำให้ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในทิศทางเชิงบวก

ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเพื่อรอผลการตัดสินของศาลปกครองสูงสุดว่าจะมีความชัดเจนอย่างไร ซึ่งถ้าผลคำตัดสินออกมาอยู่ในทิศทางเชิงบวกจะส่งผลให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับแนวรับที่ 717-720 จุดได้ แต่จะมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ขายหุ้นเมื่อดัชนีแตะระดับแนวต้านที่ 717 จุด เพราะมองว่าการปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ได้เป็นไปอย่างยั่งยืนเพราะยังมีปัจจัยการเมืองเข้ามากดดันอยู่ โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 705 จุด แนวต้านที่ 717 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น