ประชุม 4 ฝ่าย หาทางออกจ่ายผลตอบแทนมาร์เกตติ้งล่ม สมาคมโบรกเกอร์ขอหารือใหม่อีกครั้ง ด้านแกนนำยืนข้อเรียกร้อง 2 ข้อ " ยกเลิกหักอินเซ็นทีฟ-ย้ายงานเสรี " แกนนำชี้หากไม่ได้ตามข้อเรียกร้อง มี 4 แนวทาง เดินหน้าค้านต่อ ฟ้องศาลปกครองสูงสุด ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี นัดหยุดงานและนัดชุมนุม
นายเอกฑัต จุลสุวรรณ แกนนำเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)ในการคัดค้านการหักผลตอบแทนตามมูลค่าหลักทรัพย์ (อินเซ็นทีฟ) 25% เปิดเผยว่าวานนี้ (1 ธ.ค.)ได้ประชุมร่วมกัน 4 ฝ่ายในเรื่องการจ่ายอินเซ็นทีฟให้กับมาร์เกตติ้ง ประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) และมาร์เกตติ้ง ซึ่งหลัก ๆสมาคมโบรกเกอร์ได้อธิบายผลดีของการจ่ายอินเซ็นทีฟ 75% ส่วนอีก 25% จะจ่ายให้ทุก 6 เดือน และจะทำให้เจ้าหน้าที่การตลาดมีการพัฒนาในด้านใดบ้าง
ทั้งนี้ ฝ่ายมาร์เกตติ้งได้ชี้แจงการคัดค้านการหัก 25% ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลในการสนันสนุนข้อมูลของตัวเอง ทำให้การประชุมวานนี้ไม่มีข้อยุติแม้จะใช้เวลาประชุมร่วม 3 ชั่วโมง ทำให้ทางสมาคมโบรกเกอร์จะเป็นแกนนำในการจัดประชุมร่วมกับมาร์เกตติ้งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะให้ทางสมาคมโบรกเกอร์แจ้งมา ขณะที่ฝ่ายมาร์เกตติ้งต้องการจะให้มีการประชุมเร็วที่สุดเพื่อให้ได้ข้อยุติ
สำหรับการประชุมครั้งต่อไประหว่างสมาคมโบรกเกอร์กับมาร์เกตติ้งนั้น ทางมาร์เกตติ้งยังคงยืนยันข้อเรียกร้อง 2 ข้อ เหมือนเดิม คือไม่ให้หักอินเซ็นทีฟ 25% และการให้มาร์เกตติ้งสามารถย้ายงานได้อย่างเสรี โดยหากการประชุมครั้งต่อไปไม่เป็นไปตามแนวทางที่เรียกร้อง ทางมาร์เกตติ้งมีแนวทางในการดำเนินการ 3-4 แนวทาง คือ การนัดหยุดงาน การนัดชุมนุม การฟ้องศาลปกครองสูงสุด การเดินสายพบสื่อมวลชน รวมถึงมีการทำหนังสือร้องเรียนของความเป็นธรรมกับหน่วยงานรัฐบาล รวมถึงทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคงไม่ต้องดำเนินการทุกขั้นตอนตามที่กล่าวมา
" เราได้ถามทางสมาคมว่าเงินที่เราหาได้มา 100% แต่จ่ายเราที่ 25% นั้นมันชอบธรรมหรือไม่ และดีกับตลาดยังไง ซึ่งหากไม่ได้คำตอบนี้ การประชุมร่วมกันครั้งนี้ไม่มีข้อยุติ เพราะต่างฝ่ายก็มีเหตุผลในการสนับสนุน และจะประชุมร่วมกันใหม่อีกครั้ง " นายเอกฑัต กล่าว
นายเอกฑัต จุลสุวรรณ แกนนำเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)ในการคัดค้านการหักผลตอบแทนตามมูลค่าหลักทรัพย์ (อินเซ็นทีฟ) 25% เปิดเผยว่าวานนี้ (1 ธ.ค.)ได้ประชุมร่วมกัน 4 ฝ่ายในเรื่องการจ่ายอินเซ็นทีฟให้กับมาร์เกตติ้ง ประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) และมาร์เกตติ้ง ซึ่งหลัก ๆสมาคมโบรกเกอร์ได้อธิบายผลดีของการจ่ายอินเซ็นทีฟ 75% ส่วนอีก 25% จะจ่ายให้ทุก 6 เดือน และจะทำให้เจ้าหน้าที่การตลาดมีการพัฒนาในด้านใดบ้าง
ทั้งนี้ ฝ่ายมาร์เกตติ้งได้ชี้แจงการคัดค้านการหัก 25% ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลในการสนันสนุนข้อมูลของตัวเอง ทำให้การประชุมวานนี้ไม่มีข้อยุติแม้จะใช้เวลาประชุมร่วม 3 ชั่วโมง ทำให้ทางสมาคมโบรกเกอร์จะเป็นแกนนำในการจัดประชุมร่วมกับมาร์เกตติ้งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะให้ทางสมาคมโบรกเกอร์แจ้งมา ขณะที่ฝ่ายมาร์เกตติ้งต้องการจะให้มีการประชุมเร็วที่สุดเพื่อให้ได้ข้อยุติ
สำหรับการประชุมครั้งต่อไประหว่างสมาคมโบรกเกอร์กับมาร์เกตติ้งนั้น ทางมาร์เกตติ้งยังคงยืนยันข้อเรียกร้อง 2 ข้อ เหมือนเดิม คือไม่ให้หักอินเซ็นทีฟ 25% และการให้มาร์เกตติ้งสามารถย้ายงานได้อย่างเสรี โดยหากการประชุมครั้งต่อไปไม่เป็นไปตามแนวทางที่เรียกร้อง ทางมาร์เกตติ้งมีแนวทางในการดำเนินการ 3-4 แนวทาง คือ การนัดหยุดงาน การนัดชุมนุม การฟ้องศาลปกครองสูงสุด การเดินสายพบสื่อมวลชน รวมถึงมีการทำหนังสือร้องเรียนของความเป็นธรรมกับหน่วยงานรัฐบาล รวมถึงทำหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคงไม่ต้องดำเนินการทุกขั้นตอนตามที่กล่าวมา
" เราได้ถามทางสมาคมว่าเงินที่เราหาได้มา 100% แต่จ่ายเราที่ 25% นั้นมันชอบธรรมหรือไม่ และดีกับตลาดยังไง ซึ่งหากไม่ได้คำตอบนี้ การประชุมร่วมกันครั้งนี้ไม่มีข้อยุติ เพราะต่างฝ่ายก็มีเหตุผลในการสนับสนุน และจะประชุมร่วมกันใหม่อีกครั้ง " นายเอกฑัต กล่าว