ตลาดหุ้นไทยหวัง บริษัทที่รับงานสัมปทานรัฐ และบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจอีก10 แห่งเข้าจดทะเบียน ดันมาร์เกตแคปโตเพิ่มตามเป้า เพื่อดึงดูด MSCI เพิ่มน้ำหนักในหุ้นไทยมากขึ้น ส่วนการจดทะเบียนสองตลาด (ดูอัลลิสต์ติ้ง) ยอมรับนอกจาก แบงก์ซีไอเอ็มบี ยังชวน "แอร์เอเชีย "เข้าร่วม
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท. จะผลักดันให้บริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นบริษัทที่ได้รับสัปทานจากรัฐบาล ตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้ให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่ม โดยขณะนี้มีบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนแน่นอนแล้ว คือ บริษัท โรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง จำกัด หรือ SPRC และ บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจากการที่ ตลท. ได้มีการทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พบว่ามีบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจเหล่านี้มีโอกาสเข้าจดทะเบียนได้จำนวน 10 บริษัท เช่น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากที่การแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัด และมีผลประกอบดีมีกำไร โดยหากมีบริษัทย่อยของรัฐวิสาหกิจเข้ามาจดทะเบียนได้ 2 บริษัท ก็ถือว่าน่าพอใจ
"เดิมนั้นตลาดหุ้นไทยเคยมีน้ำหนักในดัชนี MSCI อยู่ที่ 3-4% แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 1.9% ซึ่งการที่จะทำให้เรามีน้ำหนักมาขึ้นโดยการนำบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียน ถึงแม้บริษัทใหญ่มีไม่มากนัก เราก็จะพยายาม แต่ไม่สามารถคาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีน้ำหนักเพิ่มเท่าไรใน MSCI ซึ่งการตั้งเป้ามาร์เกตแคปที่เพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท และไม่ร่วมบริษัทที่มาทำดูอัลลิสติ้ง ทำให้เราไม่มั่นใจจะทำได้100% แต่จากการที่เราคำนวณคร่าว ๆ จากบริษัทที่มีความมั่นใจที่จะเข้าจดทะเบียน และจากการพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินเบื้องต้น หากมีบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจเข้ามาจดทะเบียนจริงตามที่รัฐบาลผลักดันให้บริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ เข้ามาจดทะเบียนก็เชื่อว่าสามารถทำได้ตามเป้าหมาย " นายวิเชฐ กล่าว
สำหรับการเข้าจดทะเบียนสองตลาด ( ดูอัลลิสต์ติ้ง ) นั้นนอกจาก ธนาคาร ซีไอเอ็มบี กรุ๊ป และยังมีแอร์เอเซีย ซึ่งเป็นบริษัทที่มาเลเซีย ที่มีความสนใจตามข่าวก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับบริษัทดังกล่าว อย่างไรก็ตามเราได้มีการชวนบริษัทลูกคือบริษัทไทยแอร์เอเชีย เข้ามา แต่จะให้บริษัทไหนเข้าจดทะเบียนคงต้องรอให้ทั้ง 2 บริษัทมีการคุยกันก่อนว่าจะนำบริษัทใดเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท. จะผลักดันให้บริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นบริษัทที่ได้รับสัปทานจากรัฐบาล ตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้ให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่ม โดยขณะนี้มีบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนแน่นอนแล้ว คือ บริษัท โรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียมรีไฟน์นิ่ง จำกัด หรือ SPRC และ บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจากการที่ ตลท. ได้มีการทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พบว่ามีบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจเหล่านี้มีโอกาสเข้าจดทะเบียนได้จำนวน 10 บริษัท เช่น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากที่การแปลงสภาพเป็นบริษัทจำกัด และมีผลประกอบดีมีกำไร โดยหากมีบริษัทย่อยของรัฐวิสาหกิจเข้ามาจดทะเบียนได้ 2 บริษัท ก็ถือว่าน่าพอใจ
"เดิมนั้นตลาดหุ้นไทยเคยมีน้ำหนักในดัชนี MSCI อยู่ที่ 3-4% แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 1.9% ซึ่งการที่จะทำให้เรามีน้ำหนักมาขึ้นโดยการนำบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียน ถึงแม้บริษัทใหญ่มีไม่มากนัก เราก็จะพยายาม แต่ไม่สามารถคาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีน้ำหนักเพิ่มเท่าไรใน MSCI ซึ่งการตั้งเป้ามาร์เกตแคปที่เพิ่มอีก 1 แสนล้านบาท และไม่ร่วมบริษัทที่มาทำดูอัลลิสติ้ง ทำให้เราไม่มั่นใจจะทำได้100% แต่จากการที่เราคำนวณคร่าว ๆ จากบริษัทที่มีความมั่นใจที่จะเข้าจดทะเบียน และจากการพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินเบื้องต้น หากมีบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจเข้ามาจดทะเบียนจริงตามที่รัฐบาลผลักดันให้บริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ เข้ามาจดทะเบียนก็เชื่อว่าสามารถทำได้ตามเป้าหมาย " นายวิเชฐ กล่าว
สำหรับการเข้าจดทะเบียนสองตลาด ( ดูอัลลิสต์ติ้ง ) นั้นนอกจาก ธนาคาร ซีไอเอ็มบี กรุ๊ป และยังมีแอร์เอเซีย ซึ่งเป็นบริษัทที่มาเลเซีย ที่มีความสนใจตามข่าวก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับบริษัทดังกล่าว อย่างไรก็ตามเราได้มีการชวนบริษัทลูกคือบริษัทไทยแอร์เอเชีย เข้ามา แต่จะให้บริษัทไหนเข้าจดทะเบียนคงต้องรอให้ทั้ง 2 บริษัทมีการคุยกันก่อนว่าจะนำบริษัทใดเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย