xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ไฟเขียว กคช.โละสต๊อกบ้านเอื้ออาทร 7 หมื่นยูนิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ครม.ไฟเขียว 3 มาตรการ เปิดช่อง กคช.ขายบ้านเอื้ออาทรให้รัฐ-เอกชน ได้แบบเหมายกเข่ง งัดกลยุทธ์ตลาดทุ่มหมดหน้าตัก ทั้งราคา การตลาด และสิทธิประโยชน์ หวังแก้ปัญหาบ้านค้างสตอก 7 หมื่นยูยิต

นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 24 พ.ย. เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ ประกอบด้วย มาตรการด้านการตลาด ด้านราคา การผ่อนปรนเงื่อนไขกฎระเบียบ เป็นต้น

มาตรการด้านการตลาด ให้ กคช.เสนอขายโครงการในลักษณะยกอาคาร หรือขายทั้งโครงการให้แก่หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ โดยมีเงื่อนไขให้หน่วยงานนั้นๆ ต้องดูแลจัดสรรให้แก่ข้าราชการหรือพนักงานในสังกัดที่มีรายได้น้อย รวมทั้งการขายยกโครงการให้แก่เอกชนได้ โดยให้ กคช.จ้างบริษัทประเมินราคาตลาดอย่างน้อย 2 บริษัท เพื่อกำหนดราคาขาย ทั้งนี้ราคาขายจะต้องไม่ต่ำกว่าที่ขายให้แก่ประชาชนทั่วไป

มาตรการด้านราคา ให้ กคช.สามารถปรับราคาขายโครงการบ้านเอื้ออาทรตามทำเลและศักยภาพของโครงการ รวมถึงการปรับราคาขายที่มีความแตกต่างกันภายในโครงการเดียวกันให้เหมาะสมกับโอกาสทางการตลาด และให้ กคช.พิจารณาการผ่อนผัน หรือผ่อนปรนในกรณีผู้มีรายได้น้อยมีปัญหาในการผ่อนชำระ หรือค้างชำระ โดยอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการซื้อเป็นการเช่า หรือทำสัญญาในรูปแบบอื่น

ส่วนมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขกฎระเบียบ ให้ กคช.ขายโครงการบ้านเอื้ออาทรได้โดยไม่จำกัดจำนวนหน่วยของผู้ซื้อแต่ละราย โดยมีเงื่อนไขให้ผู้ซื้อได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐจำนวน 80,000 บาทต่อหน่วย เฉพาะ 2 หน่วยแรกเท่านั้น และให้ยกเลิกข้อจำกัดการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเอื้ออาทร จากเดิมที่ผู้ซื้อจะโอนกรรมสิทธิ์ได้เมื่อครบ 5 ปีแล้วเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเพิ่มเติม โดยเห็นชอบให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปลี่ยนหลักเกณฑ์การนับหนี้ค้างชำระจากเดิมที่นับเป็นจำนวนวัน (90 วัน) ให้เป็นการนับระยะเวลาหนี้ค้างชำระเป็นจำนวนงวด (3 งวด) เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถทยอยผ่อนชำระเงินกู้ที่ค้างชำระโดยไม่เป็นหนี้เสีย (NPL) ซึ่งยังมีบ้านเหลืออีก 70,000 ยูนิต

ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบให้ก่อสร้างโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จครบตามจำนวน 281,556 หน่วย ตามที่ ครม.เคยมีมติเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2552
กำลังโหลดความคิดเห็น