แบงก์กรุงเทพ จับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่กระตุ้นยอดปลายปี ปล่อยกู้กลุ่มน้ำตาลขอนแก่น วงเงิน 8,134 ล้าน ระบุเพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำตาล-ลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน ด้านแบงก์กสิกรไทย เปิดแผนรายใหญ่ปีหน้าตั้งเป้าโต 3-4% ตามจีดีพี เน้นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลดีจากโครงการรัฐ
นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู รองผู้จัดการใหญ่ ผู้อำนวยการลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยว่า ธนาคารลงนามสัญญาให้การสนับสนุนทางการเงิน จำนวนวงเงินรวม 8,134 ล้านบาท ให้แก่ บริษัท โรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย จำกัด บริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด และบริษัท ขอนแก่น แอลกอฮอล์ จำกัด บริษัทย่อยของ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่มเคเอสแอล
ทั้งนี้ การปล่อยกู้ดังกล่าวก็เพื่อลงทุนขยายกำลังการผลิตน้ำตาล และขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน ประกอบด้วย 1.โครงการย้ายและขยายกำลังการผลิตโรงงานน้ำตาล ของบริษัท โรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย จำกัด จากที่ตั้งเดิมอำเภอท่ามะกา ไปยังที่ตั้งแห่งใหม่ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี 2.โครงการลงทุนต่อเนื่องในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังชีวมวล แห่งที่ 2 ของบริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด และ 3.โครงการลงทุนต่อเนื่องในการสร้างโรงงานเอทานอล แห่งที่ 2 ของบริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด
สำหรับรายละเอียดโครงการนั้น เป็นการโครงการย้ายโรงงานน้ำตาลของ บริษัทโรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย จำกัด จากที่ตั้งเดิมอำเภอท่ามะกา ไปยังที่ตั้งแห่งใหม่ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่การผลิตภาคกลาง เพื่อให้สามารถขยายกำลังการผลิตจาก 8,385 ตันอ้อยต่อวัน เป็น 20,400 ตันอ้อยต่อวัน ทั้งนี้น้ำตาลที่ผลิตได้จะจำหน่ายเป็นส่วนประกอบสำคัญของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ และตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ รัสเซีย และจีน
ทางด้านโครงการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าพลังชีวมวล ของ บริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด แห่งที่ 2 ขนาด 90 เมกะวัตต์ (MWH) ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อผลิตไฟฟ้า จากเชื่อเพลิงชีวมวล และก๊าซชีวภาพ รวมถึงการผลิตไอน้ำ จำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและบริษัทในเครือ สำหรับโครงการลงทุนต่อเนื่องในโรงงานเอทานอล ของบริษัทขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด แห่งที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาลที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย ซึ่งสามารถนำไปผสมกับน้ำมันเชื่อเพลิง เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์
“นับเป็นการลงทุนของกลุ่มเคเอสแอล เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำตาลให้ใหญ่ขึ้นและสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล ด้วยลักษณะการลงทุนสู่ธุรกิจปลายน้ำตามนโยบายพลังงานและสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล” นายชาญศักดิ์ กล่าว
**กสิกรฯตั้งเป้าปีหน้ารายใหญ่โต 3-4%
ด้าน นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ในปี 2553 ธนาคารตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษเติบโตเพิ่มขึ้น 3-4% หรือ 301,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 12% หรือประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารจะเน้นการเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมมากขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นธนาคารอันดับหนึ่งที่ลูกค้าขนาดใหญ่เลือกใช้เป็นธนาคารหลัก (Main bank) จาก 20% ในปี 2552 เพิ่มเป็น 24% ในปี 2553 ซึ่งจะเน้นการให้บริการแบบ Total Solutions เน้นไปที่กลุ่มบริการ Transactional Financing ได้แก่ การบริการธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริการด้านการจัดการทางการเงิน และการจัดการเครือข่ายธุรกิจ รวมทั้งจะเน้นการเพิ่มมูลค่าธุรกิจแก่ลูกค้า โดยการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยแนะนำบริการทางการเงิน
ทั้งนี้ ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจที่เป็นเป้าหมายหลักของธนาคาร คือ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐ เช่น โรงไฟฟ้า รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของการส่งออก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตร เหล็กและเครื่องจักร รวมทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนเพิ่ม เช่น ธุรกิจโทรคมนาคมที่จะมีการลงทุนในโครงการ 3จี และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 มีแนวโน้มที่บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งจะมีการออกหุ้นกู้เพื่อเป็นการระดมเงินทุนแทนการขอสินเชื่อจากธนาคาร เพราะบริษัทคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต จึงทำให้หลายแห่งต้องเร่งออกหุ้นกู้ในช่วงนี้เนื่องจากมีต้นทุนด้านดอกเบี้ยต่ำกว่าการขอสินเชื่อ ซึ่งเป็นโอกาสที่ธนาคารจะสามารถเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาและจัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้กับภาคเอกชน
สำหรับในปี 2552 นี้ ธนาคารคาดว่า พอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษของธนาคารจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/52 ประมาณ 3-4% โดยคาดว่าพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารจะอยู่ที่ 2.9 แสนล้านบาท เมื่อจบปี 2552 จากปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ที่ 2.8 แสนล้านบาท
นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู รองผู้จัดการใหญ่ ผู้อำนวยการลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยว่า ธนาคารลงนามสัญญาให้การสนับสนุนทางการเงิน จำนวนวงเงินรวม 8,134 ล้านบาท ให้แก่ บริษัท โรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย จำกัด บริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด และบริษัท ขอนแก่น แอลกอฮอล์ จำกัด บริษัทย่อยของ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ กลุ่มเคเอสแอล
ทั้งนี้ การปล่อยกู้ดังกล่าวก็เพื่อลงทุนขยายกำลังการผลิตน้ำตาล และขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน ประกอบด้วย 1.โครงการย้ายและขยายกำลังการผลิตโรงงานน้ำตาล ของบริษัท โรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย จำกัด จากที่ตั้งเดิมอำเภอท่ามะกา ไปยังที่ตั้งแห่งใหม่ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี 2.โครงการลงทุนต่อเนื่องในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังชีวมวล แห่งที่ 2 ของบริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด และ 3.โครงการลงทุนต่อเนื่องในการสร้างโรงงานเอทานอล แห่งที่ 2 ของบริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด
สำหรับรายละเอียดโครงการนั้น เป็นการโครงการย้ายโรงงานน้ำตาลของ บริษัทโรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย จำกัด จากที่ตั้งเดิมอำเภอท่ามะกา ไปยังที่ตั้งแห่งใหม่ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่การผลิตภาคกลาง เพื่อให้สามารถขยายกำลังการผลิตจาก 8,385 ตันอ้อยต่อวัน เป็น 20,400 ตันอ้อยต่อวัน ทั้งนี้น้ำตาลที่ผลิตได้จะจำหน่ายเป็นส่วนประกอบสำคัญของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ และตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ รัสเซีย และจีน
ทางด้านโครงการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าพลังชีวมวล ของ บริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น จำกัด แห่งที่ 2 ขนาด 90 เมกะวัตต์ (MWH) ที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อผลิตไฟฟ้า จากเชื่อเพลิงชีวมวล และก๊าซชีวภาพ รวมถึงการผลิตไอน้ำ จำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและบริษัทในเครือ สำหรับโครงการลงทุนต่อเนื่องในโรงงานเอทานอล ของบริษัทขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด แห่งที่ 2 ขนาดกำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาลที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย ซึ่งสามารถนำไปผสมกับน้ำมันเชื่อเพลิง เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์
“นับเป็นการลงทุนของกลุ่มเคเอสแอล เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำตาลให้ใหญ่ขึ้นและสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล ด้วยลักษณะการลงทุนสู่ธุรกิจปลายน้ำตามนโยบายพลังงานและสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล” นายชาญศักดิ์ กล่าว
**กสิกรฯตั้งเป้าปีหน้ารายใหญ่โต 3-4%
ด้าน นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ในปี 2553 ธนาคารตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษเติบโตเพิ่มขึ้น 3-4% หรือ 301,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 12% หรือประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารจะเน้นการเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมมากขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นธนาคารอันดับหนึ่งที่ลูกค้าขนาดใหญ่เลือกใช้เป็นธนาคารหลัก (Main bank) จาก 20% ในปี 2552 เพิ่มเป็น 24% ในปี 2553 ซึ่งจะเน้นการให้บริการแบบ Total Solutions เน้นไปที่กลุ่มบริการ Transactional Financing ได้แก่ การบริการธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริการด้านการจัดการทางการเงิน และการจัดการเครือข่ายธุรกิจ รวมทั้งจะเน้นการเพิ่มมูลค่าธุรกิจแก่ลูกค้า โดยการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยแนะนำบริการทางการเงิน
ทั้งนี้ ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มธุรกิจที่เป็นเป้าหมายหลักของธนาคาร คือ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐ เช่น โรงไฟฟ้า รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของการส่งออก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตร เหล็กและเครื่องจักร รวมทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการลงทุนเพิ่ม เช่น ธุรกิจโทรคมนาคมที่จะมีการลงทุนในโครงการ 3จี และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 มีแนวโน้มที่บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งจะมีการออกหุ้นกู้เพื่อเป็นการระดมเงินทุนแทนการขอสินเชื่อจากธนาคาร เพราะบริษัทคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต จึงทำให้หลายแห่งต้องเร่งออกหุ้นกู้ในช่วงนี้เนื่องจากมีต้นทุนด้านดอกเบี้ยต่ำกว่าการขอสินเชื่อ ซึ่งเป็นโอกาสที่ธนาคารจะสามารถเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาและจัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้กับภาคเอกชน
สำหรับในปี 2552 นี้ ธนาคารคาดว่า พอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษของธนาคารจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/52 ประมาณ 3-4% โดยคาดว่าพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารจะอยู่ที่ 2.9 แสนล้านบาท เมื่อจบปี 2552 จากปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ที่ 2.8 แสนล้านบาท
