แอล.พี .เอ็น .ดีเวลลอปเมนท์ เผยไตรมาส 3 กำไรโต 399.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9.34% เนื่องจากโครงการลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 26 และบริหารงานจัดการทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 51 ส่งผลให้ส่วนผู้ถือหุ้นลดลงจาก 0.97 : 1 เหลือ 0.53 : 1 และ 3 ไตรมาสติดต่อกันที่บริษัทมีสภาพคล่องมากกว่าหนี้สินที่มีดอกเบี้ย
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี .เอ็น .ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN แจ้งผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 399.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไสุทธิ 364.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34.11 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 9.34% ผลจากโครงการลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 26 และมีการบริหารจัดการทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 51 เกือบ 100% อีกทั้งบริษัทย่อยมีรายได้ค่าบริหารจัดการเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทำให้ กำไรขั้นต้นของรายได้ค่าบริหารจัดการเพิ่มขึ้น .33
โดยรายได้รวมของบริษัทบริษัทย่อยและบริษัทร่วมเท่ากับ 2,136.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ซึ่งมี 2,118.95 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 0.82 % ส่วนอัตรากำไร ขั้นต้นจากการขายอยู่ที่ 33.54 % ซึ่งสูงกว่าที่กำหนดไว้คือ 30 % โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 18.68 % พิ่มขึ้น 1.45 % จาก 17.23% ในไตรมาส 3 ปี 2551 เกิดจากการที่ บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโครงการที่ก่อสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2552
สำหรับกระแสเงินสด ณ 30 กันยายน 2552 และ 2551 บริษัทมีเงินสดลดลง 364.09 ล้านบาทหรือลดลง 39.34 % มาจากการคืนเงินกู้โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2552 จำนวน 4 โครงการ,มีการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ 630.06 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าการจ่ายเงินปันผลปีก่อน 18.60 % และบริษัทได้มีการสำรองเงินสดไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนโดยนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ระยะสั้นเพื่อค้า และตั๋วสัญญาใช้เงิน 821.09 ล้านบาท
ขณะอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของ ผู้ถือหุ้นลดลงจาก 0.97 : 1 เหลือ 0.53 : 1 ส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจาก 0.58 : 1 เหลือ 0.24 : 1 ตามลำดับในปี 2551 และ ปี 2552 ทั้งนี้เมื่อรวมเงิน สดและรายการเทียบเท่าเงินสด 561.51 ล้านบาท กับ เงินลงทุนข้างต้น บริษัทจะมีสภาพ คล่องรวม 1,382.60 ล้านบาท ซึ่งมีมากกว่าหนี้สินที่มีดอกเบี้ย 183.37 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส ที่ 3 ปี 2552 บริษัทมีหนี้สินที่มีดอกเบี้ย 1,199.23 ล้านบาท ทำให้เป็น 3 ไตรมาส ติดต่อกันที่บริษัทมีสภาพคล่องมากกว่าหนี้สินที่มีดอกเบี้ย สำหรับ 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีการรับรู้รายได้อีกประมาณ 1,740 ล้านบาท จาก 2 โครงการหลักได้แก่ ลุมพินี พระราม 8 และลุมพินี เพลส รามอินทรา-หลักสี่
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี .เอ็น .ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN แจ้งผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 399.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไสุทธิ 364.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34.11 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 9.34% ผลจากโครงการลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 26 และมีการบริหารจัดการทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 51 เกือบ 100% อีกทั้งบริษัทย่อยมีรายได้ค่าบริหารจัดการเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทำให้ กำไรขั้นต้นของรายได้ค่าบริหารจัดการเพิ่มขึ้น .33
โดยรายได้รวมของบริษัทบริษัทย่อยและบริษัทร่วมเท่ากับ 2,136.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 ซึ่งมี 2,118.95 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 0.82 % ส่วนอัตรากำไร ขั้นต้นจากการขายอยู่ที่ 33.54 % ซึ่งสูงกว่าที่กำหนดไว้คือ 30 % โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 18.68 % พิ่มขึ้น 1.45 % จาก 17.23% ในไตรมาส 3 ปี 2551 เกิดจากการที่ บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโครงการที่ก่อสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2552
สำหรับกระแสเงินสด ณ 30 กันยายน 2552 และ 2551 บริษัทมีเงินสดลดลง 364.09 ล้านบาทหรือลดลง 39.34 % มาจากการคืนเงินกู้โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2552 จำนวน 4 โครงการ,มีการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ 630.06 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าการจ่ายเงินปันผลปีก่อน 18.60 % และบริษัทได้มีการสำรองเงินสดไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนโดยนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ระยะสั้นเพื่อค้า และตั๋วสัญญาใช้เงิน 821.09 ล้านบาท
ขณะอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของ ผู้ถือหุ้นลดลงจาก 0.97 : 1 เหลือ 0.53 : 1 ส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจาก 0.58 : 1 เหลือ 0.24 : 1 ตามลำดับในปี 2551 และ ปี 2552 ทั้งนี้เมื่อรวมเงิน สดและรายการเทียบเท่าเงินสด 561.51 ล้านบาท กับ เงินลงทุนข้างต้น บริษัทจะมีสภาพ คล่องรวม 1,382.60 ล้านบาท ซึ่งมีมากกว่าหนี้สินที่มีดอกเบี้ย 183.37 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส ที่ 3 ปี 2552 บริษัทมีหนี้สินที่มีดอกเบี้ย 1,199.23 ล้านบาท ทำให้เป็น 3 ไตรมาส ติดต่อกันที่บริษัทมีสภาพคล่องมากกว่าหนี้สินที่มีดอกเบี้ย สำหรับ 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีการรับรู้รายได้อีกประมาณ 1,740 ล้านบาท จาก 2 โครงการหลักได้แก่ ลุมพินี พระราม 8 และลุมพินี เพลส รามอินทรา-หลักสี่