xs
xsm
sm
md
lg

ภัทรกำไร Q3/52 พุ่ง 85% รับตลาดหุ้นคึกวอลุ่มแตะ 2.2 หมื่น ล./วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บล.ภัทร รับอานิสงส์ตลาดหุ้นคึกคัก ไตรมาส 3/52 กำไรสุทธิเกือบ 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 85% แม้ต้องสูญมาร์เกตแชร์ลดเหลือ 4.27% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับใกล้เคียง 6% หลังลูกค้าหลักนักลงทุนต่างประเทศลดเหลือ 18% จากปีก่อนสูงถึง 30% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเกือบแตะ 2.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.26% ส่วนงวด 9 เดือนกำไรสุทธิ 270 ล้านบาท ลดลง 28%

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/52 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 138.74 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.65 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 75.04 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.35 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 63.70 ล้านบาท หรือ 84.89% ขณะที่งวด 9เดือน กำไรสุทธิ 269.35 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.26 บาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 371.91 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.74 บาท ลดลง 102.56 ล้านบาท หรือ 27.58%

ทั้งนี้ ไตรมาส 3/52 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 407.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 60.38% จากรายได้รวมในปีก่อนที่ 254.03 ล้านบาท โดยรายได้หลักๆ ได้แก่ รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ จำนวน 199.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/51 ที่ 187.41 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.53% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้ค่านายหน้าจากนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 32.54% นักลงทุนสถาบันในประเทศ 25.18% และนักลงทุนบุคคลรายใหญ่ 42.28% จากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันเท่ากับ 1,860.45 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนเฉลี่ยที่ 1,707.55 ล้านบาท

“จากสัดส่วนการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทลดลงจาก 30.95% ในไตรมาส 3/51 เป็น 18.11% ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงจาก 6.95% (Q3/51) หรือ 5.96 (ทั้งปี 51) เหลือแค่ 4.27% ในไตรมาสนี้”

สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3/52 นั้น มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยนต่อวันในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ MAI เท่ากับ 21,789.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.26% จาก 12,292.25 ล้านบาท ในไตรมาส 3/51 โดยสัดส่วนการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ นักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนทั่วไปในประเทศเท่ากับ 18.11%, 18.66% และ 63.23% ตามลำดับ เปรียบเทียบกับไตรมาส 3/51 ที่ 30.95%, 17.76% และ 51.29% ตามลำดับ

ขณะที่บริษัทรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 6.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากก่อนที่ 5.98 ล้านบาท จากส่วนแบ่งการตลาดในตลาดอนุพันธ์ที่ 4.07% ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการอยู่ที่ 39.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 10.29 ล้านบาท รวมทั้งรายได้จากธุรกิจการลงทุนจำนวน 268.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้จากธุรกิจการลงทุนติดลบ 146.32 ล้านบาท

สำหรับค่าใช้จ่ายไตรมาส 3/52 บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวม 230.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 65.64 ล้านบาท หรือ 39.91 จากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายนั้นจะสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่านายหน้าและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงาน

ส่วนงวด 9 เดือนนั้น บริษัทมีรายได้รวม 936.25 ล้านบาท ลดลง 173.43 ล้านบาท หรือ 15.63% จากปีก่อนรายได้รวม 1,109.68 ล้านบาท โดยมีรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ 469.87 ล้านบาท ลดลงปีก่อนที่ 722.13 ล้านบาท หรือลดลง 34.93% โดยแบ่งเป็นรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายที่มาจากสถาบันต่างประเทศ 36.69% สถาบันในประเทศ 23.28% และนักลงทุนบุคคลรายใหญ่ 40.03% ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 4.38% ลดลงจาก 6.22% (Q3/51) หรือลดลงจาก 5.96% (ทั้งปี 51)

ขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอยู่ที่ 24.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 20.33 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 111.70 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจการลงทุนรวม 787.91 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น