คลัง คาดจีดีพี Q3/52 ติดลบ 3.5-4.0% ส่วนแนวโน้ม Q4/52 พลิกบวกได้ 3-4% พร้อมคาดตัวเลขรวมทั้งปี 52 หดตัวประมาณ 3% ส่วนปัจจัยการเมืองที่เกิดจากความเคลื่อนไหวของกลุ่มไข่แม้วแดง เดือนหน้า อาจจะมีผลกระทบทำให้การบริโภคและการลงทุนในประเทศฟื้นตัวช้าขึ้น หากประเมินในระยะกลาง อาจส่งผลต่อความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาลด้วย
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง คาดแนวโน้มอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในช่วงไตรมาส 3 ปี 2552 จะขยายตัวติดลบเฉลี่ย 3.5-4.0% และกลับมาขยายตัวเป็นบวก 3.0-4.0% ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ส่งผลให้ตลอดทั้งปี 2552 ตัวเลข GDP ของไทยจะขยายตัวติดลบประมาณ 3%
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า GDP ไตรมาส 3 ปี 2552 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2552 ประมาณ 2% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ปี 2552 ได้รับผลดีจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชียและประเทศใหม่ๆ ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย และ ฮ่องกง เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ
“ปัจจัยที่สนับสนุนให้ตัว้ลข GDP ในไตรมาส 3 ดีขึ้นจากไตรมาส 2 คือ รายจ่ายรัฐบาลที่เร่งเบิกจ่ายในไตรมาส 3 ซึ่งเห็นได้ชัดเจน และอีกปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า”
พร้อมกันนี้ ยังคาดการณ์ว่า GDP ในไตรมาส 4 ปี 2552 จะฟื้นกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ประมาณ 3-4% ภายใต้สมมติฐานจากราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วงไตรมาส 4 ที่เฉลี่ยประมาณ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลัง GDP ขยายตัวเป็น 0% ส่งผลให้ทั้งปี 2552 ตัวเลข GDP จะยังติดลบประมาณ 3%
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้งหากมีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2552 นั้น นายเอกนิติ กล่าวว่า อาจจะมีผลกระทบทำให้การบริโภคและการลงทุนในประเทศฟื้นตัวช้าขึ้น หากมีความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมืองเข้ามา ซึ่งในระยะกลางจะส่งผลต่อความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาลด้วย
อย่างไรก็ดี ตัวเลข GDP ตลอดทั้งปี 2552 ที่คาดว่า จะติดลบประมาณ 3% นั้น ยังไม่ได้ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองรวมไว้ด้วย