xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ไฟเขียวแผนพัฒนาตลาดเงิน-ตลาดทุน คลัง-ตลท.-ธปท.ร่วมแถลงข่าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



ครม.เศรษฐกิจ ไฟเขียวแผนพัฒนาตลาดเงิน-ตลาดทุน “กรณ์” เปิดแถลงร่วม “ตลท.-ธปท.” บ่ายวันนี้ นอกจากนี้ ยังอนุมัติแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะ 2 พร้อมหนุนตั้ง “ไมโครไฟแนนซ์” แต่งตั้ง รมว.คลัง เป็นประธาน พร้อมอนุมัติ Thai Infrastructure Fund ประเดิมเงินลงทุนเบื้องต้น 2.7 หมื่นล้าน





มีรายงานข่าวว่า การประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันนี้ ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนตาม ที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในช่วงบ่าย นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง จะแถลงข่าวชี้แจงเรื่องดังกล่าวร่วมกับผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

*แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะ 2 ฉลุย!

นากรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวก่อนเปิดแถลงข่าว โดยระบุว่า ครม.เศรษฐกิจ ได้เห็นชอบแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอ โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (2553-2557) และมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนของระบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันการเงิน ทั้งการลดต้นทุนจากกฎระเบียบของทางการที่อาจมีผลต่อต้นทุนการดำเนินงานของสถาบันการเงิน และต้นทุนค่าเสียโอกาส, ลดต้นทุนของระบบจากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ทั้ง NPL และ NPA ที่ยังคงค้างอยู่ในระบบสถาบันการเงิน

นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการแข่งขันและการเข้าถึงบริการทางการเงิน ให้ระบบสถาบันการเงินมีความมั่นคงเป็นหลักที่แข็งแกร่งแก่ระบบเศรษฐกิจได้ สนับสนุนบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ มีการอนุญาตให้มีผู้ให้บริการรายใหม่ในระบบสถาบันการเงินโดยไม่จำกัดสัญชาติ ส่งเสริมให้สถาบันการเงินมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยการควบรวมโดยสมัครใจ

อีกทั้งส่งเสริมเพื่อให้ประชาชนกลุ่มต่างๆ เข้าถึงบริการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยและผู้มีรายได้น้อย เช่น เปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการรายใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินฐานราก(ไมโครไฟแนนซ์) เข้ามาให้บริการเพิ่มเติม ซึ่งทางกระทรวงการคลัง และแบงก์ชาติจะพิจารณาใบอนุญาตเป็นรายกรณี

นอกจากนี้ เป็นการส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่จำเป็นใน 5 ด้าน คือ การเพิ่มศักยภาพและเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงิน โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านเครดิต ด้านตลาด ด้านสภาพคล่อง และการชำระเงิน, การพัฒนาระบบข้อมูลสำหรับการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงิน ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการวางกลยุทธ์และขยายบริการให้ทั่วถึง

การปรับปรุงกฎหมายทางการเงินที่สนับสนุนการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงินในด้านสินเชื่อและสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ส่งเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการให้บริการทางการเงิน และส่งเสริมศักยภาพบุคลากรในระบบสถาบันการเงิน

ทั้งนี้ หลังจากที่แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 2 ได้รับความเห็นชอบในกรอบนโยบายแล้วจะมีการตั้งกรรมการเพื่อดูแลการปฏิบัติการ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะชี้แจงทำความเข้าใจกับสถาบันการเงินทุกแห่งภายในเดือนพฤศจิกายน 2552 นี้

**อนุมัติ Thai Infrastructure Fund ประเดิม 2.7 หมื่นล้าน

นายกุลิศ สมบัติศิริ รองผู้อำนวยการ และโฆษกสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) เปิดเผยว่า ครม.เศรษฐกิจ ให้ความเห็นชอบในหลักการแนวทางการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานไทย (Thai Infrastructure Fund) ที่มีลักษณะเป็นกองทุนรวมที่ระดมทุนจากนักลงทุนทั่วไป โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากผลประกอบการของโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่นำมาระดมทุน ซึ่งรัฐวิสาหกิจยังคงเป็นเจ้าของ และยังคงเป็นผู้บริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่นำมาระดมทุนนั้นๆ

ทั้งนี้ คาดว่า การลงทุนในรูปแบบนี้จะเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญสำหรับการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวิสาหกิจต่อไป และจะมีผลเป็นการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศและแบ่งเบาภาระการเงินของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดตั้งกองทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาตลาดทุนที่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.เศรษฐกิจในวันเดียวกัน

นายกุลิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพิจารณาจากข้อมูลทรัพย์สินและการเงินในเบื้องต้น ตลอดจนความต้องการลงทุนเห็นว่า รัฐวิสาหกิจที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในการจัดตั้งกองทุน เพื่อเป็นโครงการนำร่อง ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เบื้องต้นคาดว่า หากมีการระดมทุนในโครงการนำร่องนี้จะสามารถระดมทุนผ่านกองทุนได้ประมาณ 27,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับ รัฐวิสาหกิจ กระทรวงเจ้าสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาในรายละเอียดเพื่อเสนอโครงการนำร่องต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งภายในไตรมาส 1 ปี 2553



กำลังโหลดความคิดเห็น