"เพชรยูบิลลี่" แต่งตั้ง 7 บริษัทหลักทรัพย์ จัดจำหน่ายหุ้น IPO 35 ล้านหุ้น เคาะราคาขายหุ้นละ 2.80 บาท เปิดขาย 26 – 28 ต.ค.นี้ "อัญรัตน์" ชี้เป็นโอกาสดีของผู้ลงทุนที่จะร่วมเป็นเจ้าของ มั่นใจนักลงทุนตอบรับดี เหตุเป็นบริษัทค้าปลีกเพชรรายแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai ด้าน แกนนำอันเดอร์ไรต์ มั่นใจหุ้น JUBILE กระแสตอบรับแรง หลังโรดโชว์นักลงทุนสถาบัน-รายย่อยคึก
วานนี้ (22 ตุลาคม 2552) ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE ได้จัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายหุ้นสามัญ ที่นำออกเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นแกนนำในการจำหน่ายและร่วมจัดจำหน่ายรวม 7 บริษัท
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE ผู้จำหน่ายและทำตลาดเพชรกะรัตและเครื่องประดับเพชร ภายใต้แบรนด์ "เพชรยูบิลลี่" เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 35 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ก่อนที่บริษัทฯ จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ
โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์อีก 6 แห่ง ประกอบด้วย บล. ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บล. เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน), บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บล. เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน), บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) และบล. ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายสาขา เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า ใช้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์แบบเรียลไทม์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ใช้สำหรับซื้อวัตถุดิบเพื่อผลิตและเพิ่มสินค้าที่มีประวัติขายดีไว้รองรับการขายของทุกสาขาทั่วประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น ขณะที่ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ยังคงมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากจุดแข็งในเรื่องช่องทางการขายที่ผ่านเครือข่ายพันธมิตรห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น ห้างสรรพสินค้ากลุ่มเซ็นทรัลและโรบินสัน กลุ่มเดอะมอลล์ สยามพารากอน เอ็มโพเรี่ยม กลุ่มเทสโก้ โลตัส รวมถึงความเชื่อมั่นต่อคุณภาพสินค้าและบริการ ตลอดจนการที่บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันต่างประเทศที่ได้รับความเชื่อถือในคุณภาพมาตรฐานสากล อาทิ GIA (The Gemological Institute of America) และ HRD (Hoge Raad voor Diamant)
ปัจจุบันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 10% ของมูลค่าตลาดในกลุ่มที่จัดจำหน่ายผ่านช่องทางเคาน์เตอร์ที่มีมูลค่ารวม 6,744 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 2% ของมูลค่าตลาดค้าปลีกเครื่องประดับเพชรภายในประเทศโดยรวมที่มีมูลค่า 34,944 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ค้าปลีกเครื่องประดับเพชรอันดับหนึ่งที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีสาขาจำนวน 68 สาขา ครอบคลุมทุกภาคของประเทศ
" หากพิจารณาจากจุดแข็งและจุดเด่นของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับเพชรในประเทศไทย ทั้งช่องทางการขายที่มีศักยภาพครอบคลุมทั่วประเทศ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 80,000 รายที่มีต่อคุณภาพสินค้าของบริษัทฯ พร้อมทั้งการรับรองในระดับมาตรฐานสากล รวมถึงการให้บริการที่มีมายาวนานกว่า 16 ปี จะเห็นว่า ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุการเติบโตของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง " ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของแผนงานในอนาคต บริษัทฯ จะเพิ่มสาขาจากเดิมที่มีอยู่ 68 สาขา เป็น 75 สาขาภายในสิ้นปี 2553 ขณะเดียวกันจะมีการเพิ่มสายการผลิตภัณฑ์โดยเน้นสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่าในปัจจุบัน เช่น ใช้เพชรที่มีรูปทรงพิเศษ (Fancy Cut) หรือสีพิเศษ (Fancy Color) เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ขยายฐานลูกค้าและตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสินจำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น JUBILE กล่าวว่า ราคาหุ้น JUBILE ที่จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกอยู่ที่หุ้นละ 2.80 บาท โดยจะเสนอขายระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้เงินระดมทุนจำนวน 98 ล้านบาท และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอได้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน นี้
“บล.พัฒนสิน มั่นใจว่า หุ้น JUBILE จะได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุน เพราะหลังจากที่ได้พบปะและให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งนักวิเคราะห์ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยนักลงทุนตลอดจนประชาชนส่วนใหญ่รู้จักและสนใจในตัวบริษัทฯ อยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความสนใจจองซื้อหุ้นของบริษัทฯ มากขึ้นด้วยเช่นกัน” นายนิมิต กล่าว
นอกจากนี้ JUBILE ยังถือเป็นผู้ค้าปลีกเครื่องประดับเพชรที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย และมีอัตรากำไรขั้นต้นระดับที่สูงถึง 41% และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity ratio : D/E) ที่ต่ำในระดับ 0.5 เท่า
วานนี้ (22 ตุลาคม 2552) ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE ได้จัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายหุ้นสามัญ ที่นำออกเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นแกนนำในการจำหน่ายและร่วมจัดจำหน่ายรวม 7 บริษัท
นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE ผู้จำหน่ายและทำตลาดเพชรกะรัตและเครื่องประดับเพชร ภายใต้แบรนด์ "เพชรยูบิลลี่" เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 35 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ก่อนที่บริษัทฯ จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ
โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์อีก 6 แห่ง ประกอบด้วย บล. ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บล. เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน), บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บล. เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน), บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) และบล. ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการขยายสาขา เป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า ใช้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์แบบเรียลไทม์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ใช้สำหรับซื้อวัตถุดิบเพื่อผลิตและเพิ่มสินค้าที่มีประวัติขายดีไว้รองรับการขายของทุกสาขาทั่วประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น ขณะที่ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ยังคงมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากจุดแข็งในเรื่องช่องทางการขายที่ผ่านเครือข่ายพันธมิตรห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น ห้างสรรพสินค้ากลุ่มเซ็นทรัลและโรบินสัน กลุ่มเดอะมอลล์ สยามพารากอน เอ็มโพเรี่ยม กลุ่มเทสโก้ โลตัส รวมถึงความเชื่อมั่นต่อคุณภาพสินค้าและบริการ ตลอดจนการที่บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันต่างประเทศที่ได้รับความเชื่อถือในคุณภาพมาตรฐานสากล อาทิ GIA (The Gemological Institute of America) และ HRD (Hoge Raad voor Diamant)
ปัจจุบันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 10% ของมูลค่าตลาดในกลุ่มที่จัดจำหน่ายผ่านช่องทางเคาน์เตอร์ที่มีมูลค่ารวม 6,744 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 2% ของมูลค่าตลาดค้าปลีกเครื่องประดับเพชรภายในประเทศโดยรวมที่มีมูลค่า 34,944 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ค้าปลีกเครื่องประดับเพชรอันดับหนึ่งที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีสาขาจำนวน 68 สาขา ครอบคลุมทุกภาคของประเทศ
" หากพิจารณาจากจุดแข็งและจุดเด่นของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับเพชรในประเทศไทย ทั้งช่องทางการขายที่มีศักยภาพครอบคลุมทั่วประเทศ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ากว่า 80,000 รายที่มีต่อคุณภาพสินค้าของบริษัทฯ พร้อมทั้งการรับรองในระดับมาตรฐานสากล รวมถึงการให้บริการที่มีมายาวนานกว่า 16 ปี จะเห็นว่า ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุการเติบโตของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง " ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินกล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของแผนงานในอนาคต บริษัทฯ จะเพิ่มสาขาจากเดิมที่มีอยู่ 68 สาขา เป็น 75 สาขาภายในสิ้นปี 2553 ขณะเดียวกันจะมีการเพิ่มสายการผลิตภัณฑ์โดยเน้นสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่าในปัจจุบัน เช่น ใช้เพชรที่มีรูปทรงพิเศษ (Fancy Cut) หรือสีพิเศษ (Fancy Color) เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ขยายฐานลูกค้าและตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสินจำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น JUBILE กล่าวว่า ราคาหุ้น JUBILE ที่จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกอยู่ที่หุ้นละ 2.80 บาท โดยจะเสนอขายระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้เงินระดมทุนจำนวน 98 ล้านบาท และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอได้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน นี้
“บล.พัฒนสิน มั่นใจว่า หุ้น JUBILE จะได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุน เพราะหลังจากที่ได้พบปะและให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งนักวิเคราะห์ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยนักลงทุนตลอดจนประชาชนส่วนใหญ่รู้จักและสนใจในตัวบริษัทฯ อยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความสนใจจองซื้อหุ้นของบริษัทฯ มากขึ้นด้วยเช่นกัน” นายนิมิต กล่าว
นอกจากนี้ JUBILE ยังถือเป็นผู้ค้าปลีกเครื่องประดับเพชรที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย และมีอัตรากำไรขั้นต้นระดับที่สูงถึง 41% และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity ratio : D/E) ที่ต่ำในระดับ 0.5 เท่า