ASTVผู้จัดการรายวัน - บล.ไอร่า รุกงานการเงินทุกรูปแบบ พร้อมเปิดธุรกรรมใหม่เปิดให้บริการมีนาคมนี้ ตั้งเป้ารายได้โต 30% จากปี 51 ขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ปรับสัดส่วนลูกค้าสถาบันเพิ่มเป็น 25% และรายย่อยเหลือ 75% ดันมาร์เก็ตแชร์โต 2.75% เผยอยู่ระหว่างเจรจาดีลการซื้อขายกิจการมูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท คาดเข้าเทรดในตลาด mai ไตรมาส 1- 2 ปีนี้
นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า จำกัด (มหาชน) (AIRA) เปิดเผยแผนการดำเนินงานปี 52 ว่าบริษัทฯ มีจะขยายงานด้านอื่นให้มากขึ้น อาทิ การวางแผนทางการเงิน (High Net Worth Wealth Management) ธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) ฯลฯ อีกทั้งเตรียมเปิดธุรกรรมใหม่ (Global Trading) หรือการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศผ่านระบบอินเตอร์เน็ตหรือผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดไปยัง 14 ประเทศทั่วโลก โดยจุดเด่นของรูปแบบ Global Trading ของบริษัทที่จะเน้นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนนอกเหนือการการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น อีทีเอฟ พันธบัตร หน่วยลงทุน ใบสำคัญแสดงสิทธิหรืออวอร์แรนต์ ซึ่งการทำธุรกรรมในส่วนดังกล่าวจะเป็นลักษณะ Real-Time และเปิดใช้งานปลายเดือนมีนาคมนี้
นายนคร คลศรีชัย กรรมการผู้จัดการสายธุรกิจหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ กล่าวว่าบริษัทตั้งเป้าปีนี้รายได้เติบโตประมาณ 30% จากปี 51 ที่มีรายได้ 233.7 ล้านบาท หลังเพิ่มการให้บริการให้ครบวงจรมากขึ้น และเตรียมขยายฐานลูกค้าสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น คาดหลังขยายฐานลูกค้าแล้วจะทำให้สัดส่วนลูกค้าของบริษัทปีนี้เปลี่ยนเป็นลูกค้าสถาบัน 25% และลูกค้ารายย่อย 75% จากเดิมที่รายได้ของบริษัทมาจากลูกค้ารายย่อยทั้งหมด
ขณะเดียวกันปี 52 ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) สำหรับธุรกิจค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 2.75% จากปี 51 ที่มีมาร์เกตแชร์ 1.43% ตลอดจนคาดการณ์ว่าปริมาณสัญญาซื้อขายในอนุพันธ์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 สัญญาต่อวัน จากปัจจุบันที่มีปริมาณการซื้อขาย 1000 สัญญาต่อวัน
ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานด้านวาณิชธนกิจเกี่ยวกับดีลการควบรวมกิจการ มูลค่าซื้อขายรวมกว่า 3 พันล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าทั้งหมด 7 ราย คาดได้ข้อสรุปปีนี้ประมาณ 2 ราย ซึ่งจะเป็นธุรกิจประเภทขนส่ง อาหาร และการผลิต โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างประเทศและผู้ขายเป็นธุรกิจในประเทศที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนี้ บล.ไอร่า อยู่ระหว่างการยื่นไฟลิ่งกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 1-2 นี้ โดยมีทุนจดทะเบียนเดิมอยู่ที่ 600 ล้านบาท และจะเพิ่มทุนจดทะเบียนใหม่เป็น 720 ล้านบาท เชื่อว่าปีนี้ได้เห็น AIRA เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) แน่นอน
นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า จำกัด (มหาชน) (AIRA) เปิดเผยแผนการดำเนินงานปี 52 ว่าบริษัทฯ มีจะขยายงานด้านอื่นให้มากขึ้น อาทิ การวางแผนทางการเงิน (High Net Worth Wealth Management) ธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) ฯลฯ อีกทั้งเตรียมเปิดธุรกรรมใหม่ (Global Trading) หรือการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศผ่านระบบอินเตอร์เน็ตหรือผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดไปยัง 14 ประเทศทั่วโลก โดยจุดเด่นของรูปแบบ Global Trading ของบริษัทที่จะเน้นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนนอกเหนือการการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น อีทีเอฟ พันธบัตร หน่วยลงทุน ใบสำคัญแสดงสิทธิหรืออวอร์แรนต์ ซึ่งการทำธุรกรรมในส่วนดังกล่าวจะเป็นลักษณะ Real-Time และเปิดใช้งานปลายเดือนมีนาคมนี้
นายนคร คลศรีชัย กรรมการผู้จัดการสายธุรกิจหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ กล่าวว่าบริษัทตั้งเป้าปีนี้รายได้เติบโตประมาณ 30% จากปี 51 ที่มีรายได้ 233.7 ล้านบาท หลังเพิ่มการให้บริการให้ครบวงจรมากขึ้น และเตรียมขยายฐานลูกค้าสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น คาดหลังขยายฐานลูกค้าแล้วจะทำให้สัดส่วนลูกค้าของบริษัทปีนี้เปลี่ยนเป็นลูกค้าสถาบัน 25% และลูกค้ารายย่อย 75% จากเดิมที่รายได้ของบริษัทมาจากลูกค้ารายย่อยทั้งหมด
ขณะเดียวกันปี 52 ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) สำหรับธุรกิจค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 2.75% จากปี 51 ที่มีมาร์เกตแชร์ 1.43% ตลอดจนคาดการณ์ว่าปริมาณสัญญาซื้อขายในอนุพันธ์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 สัญญาต่อวัน จากปัจจุบันที่มีปริมาณการซื้อขาย 1000 สัญญาต่อวัน
ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานด้านวาณิชธนกิจเกี่ยวกับดีลการควบรวมกิจการ มูลค่าซื้อขายรวมกว่า 3 พันล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าทั้งหมด 7 ราย คาดได้ข้อสรุปปีนี้ประมาณ 2 ราย ซึ่งจะเป็นธุรกิจประเภทขนส่ง อาหาร และการผลิต โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างประเทศและผู้ขายเป็นธุรกิจในประเทศที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนี้ บล.ไอร่า อยู่ระหว่างการยื่นไฟลิ่งกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 1-2 นี้ โดยมีทุนจดทะเบียนเดิมอยู่ที่ 600 ล้านบาท และจะเพิ่มทุนจดทะเบียนใหม่เป็น 720 ล้านบาท เชื่อว่าปีนี้ได้เห็น AIRA เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) แน่นอน