แบงก์กรุงเทพโชว์กำไรไตรมาส 3 กระเตื้อง เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 18% ระบุสัญญาณความต้องการสินเชื่อเริ่มเพิ่มขึ้น แต่ยังคงเน้นดูแลด้านคุณภาพ TCAP ประกาศกำไร 1,002 ล้านบาท พุ่ง 74% ส่วน KK กำไรเพิ่ม 10.2%
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวว่า ธนาคารได้แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน มีกำไรสุทธิ 5,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากไตรมาสที่ 2 และร้อยละ 18.8 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนกำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกของปี มีจำนวน 14,798 ล้านบาท ลดลง 177 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินได้อย่างชัดเจนถึงความรวดเร็วและความมั่นคงในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ผลการดำเนินงานของธนาคารที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3 นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานที่เริ่มดีขึ้นของลูกค้า และธนาคารยังคงเน้นเรื่องการดูแลคุณภาพสินเชื่อควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพอันแข็งแกร่งทางการเงินต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารมีความพร้อมสำหรับโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และธนาคารยังคงแนวทางเดิมในการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถสนับสนุนลูกค้าได้อย่างเหมาะสมทันท่วงที ไปพร้อมกับการแสวงหาลูกค้าใหม่ที่มีคุณภาพ
“ในไตรมาสนี้ ธนาคารเริ่มมองเห็นสัญญาณความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของสินเชื่อใหม่และลูกค้าเดิมที่ต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากมีการชำระคืนเงินสินเชื่อจากลูกค้าขนาดใหญ่ ทำให้สินเชื่อรวมยังคงลดลง ณ สิ้นไตรมาส 3 ธนาคารมีสินเชื่อรวม 1,090,587 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นอัตราที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ซึ่งปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 6.2"
นายชาติศิริกล่าวว่า ธนาคารประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการดำเนินงานตามเป้าหมายหลัก 4 ประการ คือ การรักษาสภาพคล่อง การเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม การดูแลคุณภาพสินเชื่อ และการคงสถานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ นโยบายการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุมช่วยให้ธนาคารมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงร้อยละ 1.8 จากไตรมาสก่อนหน้าและร้อยละ 2.6 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมาในไตรมาส 3 นี้ ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลง 773 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี เป็น 56,813 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 4.7 และยังคงมีเงินกองทุนในระดับที่แข็งแกร่ง โดยเมื่อรวมกำไรของไตรมาส 3 ธนาคารมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ 16.0
**"TCAP-KK"ปลื้มกำไรเพิ่ม**
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารธนชาต ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 426 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นร้อยละ 74 โดยธุรกิจธนาคารธนชาตมีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ปี 2552 จำนวน 1,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,097 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของกำไรบริษัทสาเหตุหลักเกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อ (Loan Spread) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 3.9 เป็นร้อยละ 5.3 รวมทั้งความสามารถในการบริหารและติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสที่ 3 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบจากงวดไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยยังคงมีการขยายตัวสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของรายได้รวม
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิ 3,936 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,583 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 67 โดยในส่วนของธนาคารธนชาตมีกำไรสุทธิจำนวน 2,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 939 ล้านบาท หรือร้อยละ 69.0
ด้านสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2552 มีจำนวน 13,305 ล้านบาท โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 4.7 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 ที่ร้อยละ 4.4 และเมื่อพิจารณาสินเชื่อด้อยคุณภาพหลังหักสำรอง (NPL-net) มีจำนวน 3,450 ล้านบาท และอัตราส่วน NPL-net ต่อสินเชื่อรวม เท่ากับร้อยละ 1.3
ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)(KK) แจ้งว่า ธนาคารมีผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 จำนวน 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นร้อยละ 10.2 รวม 9 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิ 1,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี หรือคิดเป็นร้อยละ 12.8
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) กล่าวว่า ธนาคารได้แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน มีกำไรสุทธิ 5,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากไตรมาสที่ 2 และร้อยละ 18.8 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว ส่วนกำไรสุทธิช่วง 9 เดือนแรกของปี มีจำนวน 14,798 ล้านบาท ลดลง 177 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินได้อย่างชัดเจนถึงความรวดเร็วและความมั่นคงในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ผลการดำเนินงานของธนาคารที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3 นี้ เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานที่เริ่มดีขึ้นของลูกค้า และธนาคารยังคงเน้นเรื่องการดูแลคุณภาพสินเชื่อควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพอันแข็งแกร่งทางการเงินต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารมีความพร้อมสำหรับโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และธนาคารยังคงแนวทางเดิมในการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อสามารถสนับสนุนลูกค้าได้อย่างเหมาะสมทันท่วงที ไปพร้อมกับการแสวงหาลูกค้าใหม่ที่มีคุณภาพ
“ในไตรมาสนี้ ธนาคารเริ่มมองเห็นสัญญาณความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของสินเชื่อใหม่และลูกค้าเดิมที่ต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากมีการชำระคืนเงินสินเชื่อจากลูกค้าขนาดใหญ่ ทำให้สินเชื่อรวมยังคงลดลง ณ สิ้นไตรมาส 3 ธนาคารมีสินเชื่อรวม 1,090,587 ล้านบาท ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นอัตราที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ซึ่งปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 6.2"
นายชาติศิริกล่าวว่า ธนาคารประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการดำเนินงานตามเป้าหมายหลัก 4 ประการ คือ การรักษาสภาพคล่อง การเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม การดูแลคุณภาพสินเชื่อ และการคงสถานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ นโยบายการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุมช่วยให้ธนาคารมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงร้อยละ 1.8 จากไตรมาสก่อนหน้าและร้อยละ 2.6 จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมาในไตรมาส 3 นี้ ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลง 773 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี เป็น 56,813 ล้านบาท และมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 4.7 และยังคงมีเงินกองทุนในระดับที่แข็งแกร่ง โดยเมื่อรวมกำไรของไตรมาส 3 ธนาคารมีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ 16.0
**"TCAP-KK"ปลื้มกำไรเพิ่ม**
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารธนชาต ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 426 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นร้อยละ 74 โดยธุรกิจธนาคารธนชาตมีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ปี 2552 จำนวน 1,248 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,097 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของกำไรบริษัทสาเหตุหลักเกิดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อ (Loan Spread) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 3.9 เป็นร้อยละ 5.3 รวมทั้งความสามารถในการบริหารและติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสที่ 3 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบจากงวดไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยยังคงมีการขยายตัวสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของรายได้รวม
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิ 3,936 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,583 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 67 โดยในส่วนของธนาคารธนชาตมีกำไรสุทธิจำนวน 2,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 939 ล้านบาท หรือร้อยละ 69.0
ด้านสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2552 มีจำนวน 13,305 ล้านบาท โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 4.7 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 ที่ร้อยละ 4.4 และเมื่อพิจารณาสินเชื่อด้อยคุณภาพหลังหักสำรอง (NPL-net) มีจำนวน 3,450 ล้านบาท และอัตราส่วน NPL-net ต่อสินเชื่อรวม เท่ากับร้อยละ 1.3
ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)(KK) แจ้งว่า ธนาคารมีผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 จำนวน 743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นร้อยละ 10.2 รวม 9 เดือนแรกของปี มีกำไรสุทธิ 1,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี หรือคิดเป็นร้อยละ 12.8